สพฐ. เฝ้าระวังสถานการณ์อุทกภัย และโรงเรียนแนวแม่น้ำเจ้าพระยา เน้นย้ำการช่วยเหลือนักเรียน – ครู อย่างเต็มที่

วันที่ 26 สิงหาคม 2567 นายธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รองเลขาธิการ กพฐ.) เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์อุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือสถานศึกษาที่ประสบเหตุอุทกภัย ปี 2567 ผ่านระบบ Zoom ณ ห้องประชุม DOC อาคาร สพฐ. 5 ชั้น 9 กระทรวงศึกษาธิการ โดยมี นายธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน นายภูธร จันทะหงษ์ ปุณยจรัสธำรง ผู้ช่วยเลขาธิการ กพฐ. พร้อมผู้อำนวยการสำนักของ สพฐ. และผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาทุกเขต เข้าร่วมประชุม

.

นายพัฒนะ กล่าวว่า จากเหตุการณ์อุทกภัยในขณะนี้ทาง สพฐ.ไม่ได้นิ่งนอนใจ และพร้อมช่วยเหลือทุกเขตพื้นที่การศึกษาที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในครั้งนี้ โดยต้องการให้ทุกท่าน ร่วมมือร่วมใจกันบรรเทาทุกข์จากสถานกาณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งจัดตั้งศูนย์ที่คอยรับแจ้งเหตุอุทกภัยครั้งนี้ โดยเดินหน้า “จับมือไว้ แล้วไปด้วยกัน” ต่อไป

.

พร้อมกันนี้ได้มีการรายงานสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ พร้อมแจ้งแนวทางการจัดการหลังจากที่น้ำได้ลดลงแล้ว ให้โรงเรียน และเขตพื้นที่การศึกษา ได้เตรียมทำความสะอาดเมื่อเหตุการณ์น้ำได้ผ่านพ้นไป

.

ทั้งนี้ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ คณะทำงาน รมว.ศธ. และ ว่าที่ร้องตรี นุ วงษ์จินดา เลขาธิการ กพฐ. มีความห่วงใยถึงสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคเหนือ และได้สั่งการให้ สพฐ. ติดตามดูแลช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน สพฐ. จึงได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการเฝ้าระวังและช่วยเหลือสถานศึกษาที่ประสบเหตุอุทกภัย เพื่อเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อุทกภัย น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่ม โดยมีผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเป็นผู้นำหลักในการประสานงานดูแลให้ความช่วยเหลือโรงเรียน นักเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษา ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยในพื้นที่ดังกล่าว โดยเน้นย้ำให้สถานศึกษาปฏิบัติตามมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันอุทกภัย รวมถึงแผนป้องกันและแผนเผชิญเหตุที่ได้เตรียมไว้ พร้อมทั้งประสานงานกับศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตและจังหวัด หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด และให้วิเคราะห์ความเสี่ยงในการเดินทางของนักเรียนเน้นความปลอดภัยในชีวิตเป็นสำคัญ หากมีความจำเป็นต้องสั่งปิดสถานศึกษาให้อยู่ในดุลยพินิจผู้บริหารสถานศึกษา ตามความเหมาะสมและสถานการณ์ของแต่ละพื้นที่ รวมทั้งให้จัดเตรียมที่พักพิงในกรณีจำเป็นต้องมีการเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย และสามารถประสานขอความช่วยเหลือมายังเขตพื้นที่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง