สพฐ. เร่งสอบข้อเท็จจริง ครูสาวสอบได้ที่ 1 ชื่อหาย ย้ำต้องโปร่งใส ตรงไปตรงมา

วันที่ 16 กันยายน 2567 นายพัฒนะ พัฒนทวีดล รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รองเลขาธิการ กพฐ.) เปิดเผยว่า ตนได้รับมอบหมายจาก ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ในการติดตามข้อเท็จจริงกรณีคุณครูรายหนึ่งสอบตำแหน่งพนักงานราชการได้ลำดับที่ 1 แต่ต่อมามีการเปลี่ยนแปลงประกาศและชื่อหายไป ซึ่งวันนี้ (16 กันยายน 2567) คุณครูได้มายื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อขอความเป็นธรรมและตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยเร็ว นั้น

นายพัฒนะ กล่าวต่อไปว่า เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ ทางกระทรวงศึกษาธิการ และ สพฐ. ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยพลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และนายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้สั่งการให้ สพฐ. ติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและเร่งดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยเร็ว ซึ่งขณะนี้ทาง สพฐ. ได้ส่งนิติกรลงพื้นที่ไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสระแก้ว (สพม.สระแก้ว) แล้ว พร้อมตั้งคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน ซึ่งก็ได้ทำการเก็บเอกสารที่เป็นหลักฐาน ทั้งชุดข้อสอบ กระดาบคำตอบ และเฉลยคำตอบ มาตรวจสอบที่ส่วนกลางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเรายืนยันว่าผู้ที่กระทำผิดจะต้องถูกลงโทษแน่นอน ซึ่งต้องไปดูว่าเป็นความผิดในฐานใด หากเป็นกรณีประมาทเลินเล่อ บทลงโทษจะเป็นฐานหนึ่ง แต่หากเป็นการตั้งใจกระทำผิดโดยเจตนา ก็จะเป็นอีกฐานหนึ่ง ซึ่งเรายืนยันว่าจะดำเนินการอย่างโปร่งใส ยุติธรรม ตรงไปตรงมา และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

ส่วนคุณครูที่ได้รับผลกระทบนั้น ทางเราก็มีมาตรการในการเยียวยาแน่นอน เพียงแต่ขอดูรายละเอียดให้ครบถ้วนก่อน เช่น ดูว่าคะแนนของคุณครูเป็นดังที่ประกาศครั้งแรกหรือไม่ จากนั้นก็จะหามาตรการเยียวยาที่เหมาะสมที่สุดต่อไป ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ามีการยื่นข้อเสนอให้คุณครูไปทำงานตำแหน่งครูอัตราจ้างในโรงเรียนใกล้บ้านนั้น ขอเรียนว่าเป็นเพียงแนวทางการเยียวยาหนึ่งที่สามารถทำได้ แต่ไม่ใช่ข้อเสนอที่เป็นตัวเลือกสุดท้ายในขณะนี้ เพราะต้องดูรายละเอียดที่เกี่ยวข้องเสียก่อน ส่วนที่ว่าจะมีผู้เสียหายเพิ่มเติมหรือไม่ ในส่วนนี้ก็ต้องรอผลการสืบข้อเท็จจริงออกมาก่อน โดยเราตั้งเป้าว่าจะใช้เวลาสอบให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน ซึ่งหากมีผู้เสียหายมากกว่าหนึ่งราย เราก็ต้องดำเนินการเยียวยาให้ครบถ้วนทุกคน

“ทั้งนี้ หากผลการสืบข้อเท็จจริงออกมาว่ามีการกระทำผิดโดยเจตนาจริง โทษสูงสุดคือไล่ออกจากราชการ แต่เราต้องรอผลสอบของทาง ปปช. ด้วย ซึ่งขณะนี้ได้เข้ามาร่วมตรวจสอบด้วยแล้ว ซึ่งผลน่าจะออกมาในทิศทางเดียวกัน เพราะความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว หลายครั้งที่ผลการสอบของ ปปช. ออกมาก่อน สพฐ. ก็จะยึดตามผลการสอบของ ปปช.นั้น ส่วนการป้องกันแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่ให้เกิดขึ้นอีก ที่ผ่านมา ศธ. ก็ได้กำชับหน่วยงานในสังกัดหลายครั้งว่า ในการสอบแต่ละครั้ง การตรวจทานคำตอบ ตรวจทานคะแนน หรือการกรอกคะแนน ต้องทำอย่างรอบคอบถี่ถ้วน เพราะเรามองว่าการประกาศแต่ละครั้งแล้วต้องมีการเปลี่ยนแปลงภายหลัง จะเป็นการสร้างความไม่น่าเชื่อถือ และสร้างความคลางแคลงใจให้กับสังคม ซึ่ง ศธ. ในยุคนี้เราพยายามอย่างยิ่งที่จะทำให้ทุกอย่างมีความโปร่งใส ตรงไปตรงมา เราไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ เพราะจุดเล็กๆเหล่านี้ทำให้ขาดความน่าเชื่อถือกับสังคม ซึ่งต่อไปก็จะต้องมีการกำชับเพิ่มเติมหรือเพิ่มบทลงโทษในกรณีที่เกิดความผิดพลาดเช่นนี้ ให้มีความเข้มข้นขึ้นด้วย” รองเลขาธิการ กพฐ. กล่าว