“ศธ. มอบ สพฐ. ส่งเสริมให้นักเรียนออมเงินกับ กอช. เพิ่มความมั่นคงทางการเงินในอนาคต”


วันที่ 21 ธันวาคม 2563 ณ ห้องประชุมราชวัลลภ กระทรวงศึกษาธิการ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กับ กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) เพื่อส่งเสริมวินัยการออมกับ กอช. ในกลุ่มนักเรียน และบุคลากรในสถานศึกษา ให้มีเงินบำนาญรายเดือนไว้ใช้หลังอายุ 60 ปีกับ กอช. ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ โดยมี นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ และ นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นผู้ลงนามในบันทึกความร่วมมือการบูรณาการการทำงานร่วมกันในการอบรมให้ความรู้แก่ผู้บริหาร นักเรียน และบุคลากรในสถานศึกษา ภายใต้การกำกับดูแลของ สพฐ. ทั่วประเทศ

นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศธ. กล่าวว่า โดยความร่วมมือครั้งนี้ กระทรวงศึกษาธิการ มีความยินดี และจะร่วมส่งเสริมให้สถานศึกษาภายใต้การกำกับดูแล ได้ร่วมกันส่งเสริมให้เด็กนักเรียนได้รู้จักการออมเงินเพื่อวางแผนอนาคตตนเอง เพื่อความมั่นคงทางการเงิน และตอบสนองต่อแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580) ยุทธศาสตร์ที่ 4 ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคมนั้น ในเรื่องการรองรับสังคมสูงวัยอย่างมีคุณภาพ โดยเตรียมความพร้อมในทุกมิติ ทั้งมิติเศรษฐกิจ สังคม สุขภาพ และสภาพแวดล้อม โดยเฉพาะการส่งเสริมการออมและการลงทุนระยะยาวของประชาชนตั้งแต่ก่อนเกษียณอายุ เพื่อสร้างหลักประกันและความมั่นคงในการดำรงชีวิตหลังเกษียณในระดับพื้นฐาน เพื่อให้ประชาชนเข้าสู่วัยเกษียณอย่างมีคุณภาพ

กองทุนการออมแห่งชาติ หรือ กอช. จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยส่งเสริมให้เด็กนักเรียนได้ตระหนักถึงการออมตั้งแต่วัยเรียน เป็นการปลูกฝังให้เด็กได้รู้จักจัดการเงิน รู้จักเก็บออม เริ่มจากการเก็บเล็กผสมน้อย สร้างนิสัยการออมเงินเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นรากฐานที่สำคัญของอนาคต สำหรับนักเรียนที่ยังเรียนอยู่สามารถบริหารแบ่งเงินค่าขนมบางส่วนมาออมไว้ เพียงเริ่มวางแผนออมเงินวันละ 1 บาท พอมีเงินครบ 50 บาท ก็สามารถนำมาออมกับ กอช. โดยรัฐบาลจะสมทบเงินเพิ่มให้ 50% ของเงินออม คิดเป็นเงิน 25 บาท สูงสุด 600 บาท

“ความพิเศษของการออมเงินเพื่ออนาคตกับ กอช. ได้ประโยชน์ 4 ต่อ ก็คือ ต่อที่ 1 รับเงินสมทบจากรัฐบาล 50-100% ตามช่วงอายุ ต่อที่ 2 รัฐบาลค้ำประกันผลตอบแทนจากการลงทุน ต่อที่ 3 ออมเงินตามความพร้อมของตนเอง ขั้นต่ำ 50 บาทต่อปี ต่อที่ 4 มีเงินรายเดือนไว้ใช้ในอนาคต จะเห็นได้ว่า กอช. ถือเป็นการตอบโจทย์การออมเงินเพื่อสร้างรากฐานความมั่นคงในอนาคตอย่างแท้จริง” รมว.ศธ. กล่าว

ทางด้านนายอัมพร พินะสา เลขาธิการ กพฐ. กล่าวว่า สพฐ. ได้ร่วมกับ กอช. ในการบูรณาการการทำงานร่วมกันในการอบรมให้ความรู้แก่คณาจารย์ ในโรงเรียนสังกัด สพฐ. ทั่วประเทศ โดยนำร่องในโรงเรียนเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 119 โรงเรียน ให้ได้ตระหนักถึงวิธีการวางแผนทางการเงิน การออมเงิน ซึ่งจะขยายผลการอบรมให้ความรู้แก่นักเรียนในสถานศึกษา ที่มีอายุ 15 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ได้มีการวางแผนออมเงินเพื่ออนาคต และสนับสนุนให้แต่ละโรงเรียนส่งเสริมการออมในสถานศีกษา และสมัครเป็นสมาชิก กอช. โดยมอบหมายให้แต่ละสถานศึกษาให้มีตัวแทน กอช. ในสถานศึกษา เพื่อทำหน้าที่เป็นตัวแทนในการให้ข้อมูลข่าวสารของ กอช. แก่นักเรียนในสถานศึกษา พร้อมทั้งสนับสนุนให้ กอช. เป็นหนึ่งในทางเลือกให้กับนักเรียน ในโรงเรียนภายใต้การกำกับดูแลของ สพฐ. และมอบหมายให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเป็นผู้ประสานงานกับสถานศึกษาในสังกัดแต่ละเขตพื้นที่การศึกษา

“นอกจากนั้น สพฐ. ได้ร่วมกับ กอช. ในการดำเนินการอบรมให้ความรู้ในรื่องการวางแผนการเงินกับ กอช. รายละเอียดข้อมูล กอช. วิธีการสมัครหรือส่งเงินออมสะสมกับ กอช. พร้อมมีการอบรมหลักสูตร “Train the Trainer: Happy Money สุขเงิน สร้างได้” ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ผู้เชี่ยวชาญในการวางแผนการเงินมาให้ความรู้ควบคู่ไปด้วย เพื่อส่งเสริมการออมให้กับบุคลากรของ สพฐ. อาทิ บุคลากร ครูลูกจ้าง ลูกจ้างทั่วไป กลุ่มนักเรียน นักศึกษา ที่มีอายุ 15 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ได้เข้าถึงการออมเงินกับ กอช. พร้อมรับเงินสมทบเพิ่มจากรัฐบาลเป็นเงินบำนาญจากรัฐครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว

ขณะที่นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการ กอช. กล่าวว่า กอช. เป็นกองทุนการออมเพื่อการเกษียณ ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง มีวัตถุประสงค์หลักในการส่งเสริมการออมให้ครอบคลุมทั่วถึงประชาชนที่ไม่มีสวัสดิการบำเหน็จ บำนาญ ให้มีความมั่นคงทางการเงิน ตั้งแต่ 50 บาทสูงสุด 13,200 บาทต่อปี รัฐบาลจะเติมเงินสมทบเพิ่มให้ตามช่วงอายุ แบ่งเป็น อายุ 15-30 ปี รัฐสมทบให้ 50% ของเงินออมสะสม สูงสุด 600 บาทต่อปี อายุ >30-50 ปี รัฐสมทบให้ 80% ของเงินออมสะสม สูงสุด 960 บาทต่อปี อายุ >50-60 ปี รัฐสมทบให้ 100% ของเงินออมสะสมสูงสุด 1,200 บาทต่อปี ทั้งนี้ กอช. ได้สร้างผลตอบแทนจากการลงทุนให้กับสมาชิก เมื่อเทียบจากเงินฝากประจำที่ดีมาโดยตลอด ตั้งแต่ก่อตั้งกองทุนจนถึงปัจจุบัน (ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2563) มีผลตอบแทนเฉลี่ย 2.5% ต่อปี

นางสาวจารุลักษณ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า กอช. เล็งเห็นความสำคัญเพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม จึงได้มีการดำเนินงานร่วมกับสถานศึกษา โดยมีการดำเนินกิจกรรมที่สอดรับกับแผนการสร้างวินัยการออมและการวางแผนทางการเงินขั้นพื้นฐานให้แก่กลุ่มนักเรียน เพื่อให้มีความรู้เกี่ยวกับการวางแผนทางการเงิน และมีวินัยในการออม รวมถึงกำหนดรูปแบบการสร้างเครือข่ายจากคณะอาจารย์ในแต่ละสถานศึกษา เพื่อเป็นต้นแบบการออมให้กระจายทวีคูณ โดยมุ่งเน้นให้วางแผนทางการเงิน การออมเงิน อีกทั้งเป็นประโยชน์ต่อการบริหารจัดการทางการเงินให้มีประสิทธิภาพ สามารถนำความรู้ไปขยายผลเพื่อพัฒนาคุณภาพความเป็นอยู่ของครอบครัว สังคม ชุมชน ให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง และส่งเสริมให้เป็นสมาชิก กอช. เพื่อให้มีบำนาญไว้ใช้ในยามเกษียณต่อไป