“ประวิตร” ลงพื้นที่จ.สระแก้ว มอบทุนการศึกษา-ถุงยังชีพ บรรเทาผู้ประสบภัยโควิด

วันที่ 8 ตุลาคม 2564 พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ติดตามการเตรียมความพร้อมก่อนเปิดภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 ณ โรงเรียนวังน้ำเย็นวิทยาคม อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้วเพื่อตรวจเยี่ยมการฉีดวัคซีนให้กับเด็กนักเรียน และมอบอุปกรณ์ป้องกันโรคโควิด-19 (เจลแอลกอฮอล์ หน้ากากอนามัย) พร้อมทั้งมอบทุนการศึกษา จำนวน 60 ทุน ทุนละ 3,000 บาท ให้แก่โรงเรียนในจังหวัดสระแก้ว ได้แก่ โรงเรียนอนุบาลวังสมบูรณ์ โรงเรียนอนุบาลมิตรภาพวังน้ำเย็นที่ 179 และโรงเรียนวังน้ำเย็นวิทยาคม โรงเรียนละ 20 ทุน เพื่อประโยชน์ในการศึกษาของเด็กนักเรียน โดยมี นางสาว ตรีนุชเทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายสุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงศึกษาธิการ ร่วมติดตามการตรวจเยี่ยมในครั้งนี้ด้วย

พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รู้สึกยินดีที่ได้มาเยี่ยมนักเรียน ครู บุคลากรทางการศึกษา และพี่น้องชาวจังหวัดสระแก้ว ในการเตรียมความพร้อมก่อนเปิดภาคเรียนที่ 2 ในวันนี้ โดยตนเองเคยอยู่ที่สระแก้วมาตั้งแต่ปี 2522 และย้ายออกไปเมื่อปี 2542 รวมเวลากว่า 20 ปี ก็เหมือนเป็นคนจังหวัดสระแก้วคนหนึ่ง ได้ทำงานอยู่ในสระแก้วและได้เห็นความเจริญก้าวหน้าของจังหวัดสระแก้วมาโดยตลอด ต้องขอขอบคุณชาวสระแก้วที่รักใคร่กลมเกลียวกันเป็นอย่างดี ส่วนในขณะนี้เป็นที่ทราบกันดีว่าสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบกับพี่น้องประชาชนอย่างกว้างขวาง ทั้งในด้านความเป็นอยู่ การประกอบอาชีพ และการศึกษาที่ไม่สามารถเปิดเรียนตามปกติได้ ทำให้นักเรียนต้องเรียนในรูปแบบออนไลน์หรือรูปแบบอื่นๆ ซึ่งมีผลต่อการเรียนรู้ของนักเรียน ทางรัฐบาลจึงได้ระดมกำลังเพื่อแก้ไขปัญหาโดยให้ความช่วยเหลือประชาชนทุกคนที่ได้รับความเดือดร้อนในทุกรูปแบบ

สำหรับนักเรียนนักศึกษาก็ได้มีการลดภาระผู้ปกครองด้วยการลดค่าเทอมและจ่ายเงินเยียวยา 2,000 บาท เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายในการเรียนรู้ของเด็ก รวมถึงสนับสนุนงบประมาณด้านการศึกษาเพิ่มเติมเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดการเรียนรู้และจัดทำอุปกรณ์การเรียนรู้ แต่สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือทำอย่างไรให้โรงเรียนสามารถเปิดเรียนตามปกติได้ และสร้างความมั่นใจให้กับผู้ปกครองในการส่งลูกหลานมาเรียนที่โรงเรียน ทางรัฐบาลจึงได้อนุมัติให้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์กับเด็กนักเรียนอายุ 12-18 ปี ซึ่งมีประสิทธิภาพและได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก หากเราสามารถฉีดวัคซีนได้ครบทั้งนักเรียน คุณครู และบุคลากรทางการศึกษา ก็จะทำให้สามารถเปิดเรียนแบบ On Site ได้ในภาคเรียนที่ 2 นี้

“ต้องขอขอบคุณรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รวมถึงคณะทำงาน และผู้เกี่ยวข้องทุกท่าน ที่ได้ทุ่มเทกำลังกายกำลังใจร่วมมือกันในการบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนจากสถานการณ์ของโรคโควิด-19 ในครั้งนี้” รองนายกรัฐมนตรี กล่าว

ทางด้าน นางสาวตรีนุช เทียนทอง รมว.ศธ. กล่าวว่า การจัดงานในครั้งนี้ เกิดจากการบูรณาการระหว่างหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว ทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว นายอำเภอวังน้ำเย็น บุคลากรทางการแพทย์ และสาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว ในการดำเนินการรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 โดยมีการฉีดวัคซีนให้แก่นักเรียน นักศึกษา ที่มีอายุระหว่าง 12-18 ปี ตามที่รัฐบาล โดย ศบค.ชุดใหญ่ ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และผู้อำนวยการศูนย์ฯ ได้อนุมัติหลักการมา ซึ่งขณะนี้ จังหวัดสระแก้ว มีนักเรียนที่ได้แจ้งความประสงค์เข้ารับการฉีดวัคซีน จำนวน 33,630 คน คิดเป็นร้อยละ 81.32 จากนักเรียนทั้งหมด 41,354 คน และได้รับอนุมัติวัคซีนไฟเซอร์ ระยะที่ 1 จากกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) มาจำนวน 16,800 คน ในโรงเรียน 50 แห่ง โดยดำเนินการฉีดระหว่างวันที่ 5-15 ตุลาคม 2564 ซึ่งในวันนี้มีนักเรียนจากโรงเรียนวังน้ำเย็นวิทยาคม จำนวน 831 คนเข้ารับการฉีดวัคซีน

“นอกจากนี้ยังมีกิจกรรม Fix It Center ซึ่งมีอาจารย์และนักศึกษาอาชีวศึกษาจำนวนกว่า 50 คน จาก 3 วิทยาลัย ได้แก่ วิทยาลัยเทคนิควังน้ำเย็น วิทยาลัยเทคนิคสระแก้ว และวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสระแก้ว ได้ร่วมกันจัดตั้งศูนย์ฯให้บริการซ่อมเครื่องยนต์ เครื่องจักรกล เครื่องใช้ไฟฟ้า อาทิ โทรทัศน์ วิทยุ พัดลม หม้อหุงข้าว เครื่องเสียง และซ่อมรถจักรยานยนต์ เป็นต้น โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ที่อาจมีเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ชำรุดเสียหายระหว่างสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 และยังมีการฝึกอาชีพทำสลัดโรล ทําเจลแอลกอฮอล์ และพัฒนาท๊อปอัพต่อยอด โดยจัดทำบรรจุภัณฑ์หรือแพ็กเกจจิ้ง บรรจุข้าวเกรียบปลาซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เด่นของชุมชนวังน้ำเย็นอีกด้วย” รมว.ศธ. กล่าว