สพฐ. ร่วมมือ มูลนิธิฮาคูโฮโด เปิดตัวโครงการผลิตสื่อ-สาระบันเทิง Edutainment นำร่องในไทย เชื่อมโยงสังคมยุคใหม่ผ่านวิสัยทัศน์แห่งอนาคต

นายวิษณุ ทรัพย์สมบัติ ผู้อำนวยการสำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา (ผอ.สวก.) รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านมาตรฐานการศึกษา เป็นผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ ร่วมกับ นายจุน ชูมะ กรรมการบริหารมูลนิธิฮาคูโฮโด ประเทศญี่ปุ่น เปิดตัว “โครงการผลิตสื่อ-สาระบันเทิง Edutainment ภายใต้มูลนิธิฮาคูโฮโด” เพื่อให้เป็นสื่อการเรียนการสอนที่ครูในประเทศไทยสามารถนำไปใช้ให้นักเรียนเรียนรู้ภาษาญี่ปุ่นในบริบทที่เป็นธรรมชาติและสมจริง โดยมีบุคลากรของ สวก.สพฐ. ผู้แทนจากมูลนิธิฮาคูโฮโด และสื่อมวลชน เข้าร่วม ณ โรงแรมเดอะ เบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ กรุงเทพมหานคร
.
โอกาสนี้ นายวิษณุ ทรัพย์สมบัติ กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการโดยสำนักงานคณะกรรมการการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ตระหนักและเห็นความสำคัญของการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ซึ่งนอกจากภาษาอังกฤษ การเรียนรู้ภาษาต่างประเทศที่ 2 ทั้งภาษาตะวันตก ภาษาตะวันออก เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ผู้ที่สามารถใช้ภาษาสื่อสารได้มากกว่าหนึ่งภาษาถือเป็นข้อได้เปรียบ สพฐ. จึงได้ส่งเสริมและสนับสนุนให้โรงเรียนจัดการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศที่ 2 หลากหลายภาษา เพื่อสร้างโอกาสให้นักเรียนได้เลือกเรียนภาษาตามความถนัดและความสนใจ เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีความสามารถด้านภาษา สามารถนำความรู้และศักยภาพทางภาษาไปใช้ในการสื่อสาร การแสวงหาความรู้ต่าง ๆ ที่สนใจ รวมทั้งเป็นพื้นฐานในการศึกษาต่อและประกอบอาชีพในอนาคต นำไปสู่การพัฒนากำลังคนของประเทศ อันเป็นประโยชน์ด้านการค้า การลงทุน การศึกษา การท่องเที่ยว รวมถึงความมั่นคงระหว่างประเทศ ตามเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. 2561- 2580) ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ โดยเฉพาะภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาที่มีผู้เรียนเลือกเรียนจำนวนมาก เป็นลำดับที่สองรองจากภาษาจีน เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เติบโตและพัฒนาทางอุตสาหกรรม เศรษฐกิจ และเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่างรวดเร็ว ทำให้ภาษาญี่ปุ่นเป็นที่นิยมและต้องการของตลาดอาชีพมากขึ้น
.
“ที่ผ่านมา สพฐ. ได้ทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ด้านการศึกษากับมูลนิธิฮาคูโฮโด ตั้งแต่ปี 2564-2569 โดยได้รับความร่วมมือและการสนับสนุนเป็นอย่างดี โอกาสนี้ ต้องขอขอบคุณมูลนิธิฮาคูโฮโด ที่ดำเนินการโครงการพัฒนาและสนับสนุนการศึกษาภาษาญี่ปุ่นในประเทศไทย ทั้งการให้โอกาสในการฝึกอบรมครูสอนภาษาญี่ปุ่นได้ไปพัฒนาทักษะทางภาษา เรียนรู้วัฒนธรรม และวิธีการสอนใหม่ ๆ การส่งเสริมสนับสนุนกิจกรรมการเรียนรู้ภาษาญี่ปุ่นรูปแบบต่าง ๆ สำหรับเยาวชน รวมทั้งการผลิตสื่อ-สาระบันเทิง Edutainment ซึ่งเป็นโครงการที่ดีและมีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับครูสอนภาษาญี่ปุ่น ที่จะได้นำสื่อดังกล่าวไปปรับใช้ในการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับผู้เรียน และเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ภาษาญี่ปุ่นมากขึ้น ทั้งนี้ สพฐ. ยังมีนโยบายส่งเสริมการใช้สื่อที่หลากหลาย ในรูปแบบต่างๆ ที่ครูสามารถพิจารณา และเลือกใช้สื่อให้เหมาะสมกับผู้เรียน ตามหลักสูตรของสถานศึกษา สื่อการเรียนรู้รูปแบบ VDO ก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่มีประโยชน์มากสำหรับผู้เรียน สอดคล้องกับนโยบาย “เรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา Anywhere Anytime” ของพลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศธ. นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รมช.ศธ. นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำ ศธ. และว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงศ์จินดา เลขาธิการ กพฐ. ที่ให้ความสำคัญกับการสร้างคุณภาพผู้เรียนอย่างรอบด้านทุกที่ทุกเวลา และ สพฐ. กำลังดำเนินการจัดทำแพลตฟอร์มการเรียนรู้ที่ผู้เรียนสามารถเลือกได้ตามความสนใจ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ นับเป็นการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา และทำให้นักเรียนของเราเรียนรู้ได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น” นายวิษณุ กล่าว

ด้านนายจุน ชูมะ กรรมการบริหารมูลนิธิฮาคูโฮโด เปิดเผยว่า มูลนิธิฮาคูโฮโดก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2513 เพื่อสนับสนุนการศึกษาภาษาญี่ปุ่นสำหรับเยาวชนและการศึกษาสำหรับผู้พิการ รวมถึงมีส่วนสนับสนุนในการพัฒนาผู้คนให้มีความสมบูรณ์ทั้งทางกาย ใจ และสังคม เราจึงได้ริเริ่มโครงการต่าง ๆ เช่น รางวัลฮาคูโฮ ทุนวิจัยเพื่อการพัฒนาการศึกษาของเยาวชน และทุนการศึกษาสำหรับการฝึกอบรมครู และในปี พ.ศ. 2563 เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปีของมูลนิธิฮาคูโฮโด ได้มีการเปิดตัวโครงการการศึกษาภาษาญี่ปุ่น (Japanese Language Program) ซึ่งมุ่งเน้นสนับสนุนการพัฒนาการศึกษาภาษาญี่ปุ่นให้กับเยาวชนในต่างประเทศ โดยเราเลือกประเทศไทยเป็นประเทศแรกสำหรับโครงการ Japanese Language Program เนื่องจากในประเทศไทยมีเยาวชนให้ความสนใจเรียนภาษาญี่ปุ่นเป็นจำนวนมากทั้งในระดับมัธยมศึกษาและอุดมศึกษา อีกเหตุผลหนึ่งคือความสัมพันธ์ระหว่างไทย-ญี่ปุ่น ที่มีมาอย่างยาวนาน ดังนั้นถ้าให้เลือกว่าจะเริ่มที่ไหนก็ต้องเริ่มที่ประเทศไทยก่อนนั่นเอง
.
ทั้งนี้ จากการดำเนินโครงการ Japanese Language Program ในประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2563 ทำให้เราได้รับรู้ถึงปัญหาในการสอนภาษาญี่ปุ่นให้กับเด็กไทย โดยเราพบว่าในแต่ละโรงเรียนจะมีปัญหาที่แตกต่างกันไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนในกรุงเทพฯ หรือในต่างจังหวัด แต่ปัญหาหลัก ๆ คือเด็กนักเรียนที่เรียนภาษาญี่ปุ่นมีโอกาสที่จะได้เรียนรู้และใช้ภาษาญี่ปุ่นสื่อสารจริงกับครูผู้สอนชาวญี่ปุ่นน้อยมาก นี่จึงเป็นที่มาของการเปิดตัว “โครงการผลิตสื่อ-สาระบันเทิง Edutainment” เพื่อให้เป็นสื่อการเรียนการสอนที่ครูในประเทศไทยสามารถนำไปใช้ให้นักเรียนเรียนรู้ภาษาญี่ปุ่นในบริบทที่เป็นธรรมชาติและสมจริง โดยจัดทำเป็นวิดีโอสั้น 3 รูปแบบ คือ รูปแบบที่ 1 เป็นการผลิตวิดีโอสื่อการสอนที่สอดคล้องกับเนื้อหาในบทเรียนของ “หนังสือเรียนภาษาญี่ปุ่น: อะกิโกะโตะโทะโมะดะจิ” ฉบับปรับปรุงใหม่ ซึ่งเป็นหนังสือเรียนภาษาญี่ปุ่นสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย แผนการเรียนภาษาญี่ปุ่นของไทย ส่วน รูปแบบที่ 2 เป็นวิดีโอในแนวคิด “เรียนรู้และลองทำดู!” (Let’s Learn and Try) ซึ่งเป็นการแนะนำวัฒนธรรมญี่ปุ่นผ่านวิดีโอสั้น ๆ สำหรับชุดแรก เราได้ผลิตวิดีโอออกมาแล้ว 2 ตอน คือ “โอโคโนมิยากิ” (พิชซ่าสไตล์ญี่ปุ่น) และ “การป้องกันภัยพิบัติ” สุดท้าย รูปแบบที่ 3 เป็นวิดีโอที่ให้ความรู้เกี่ยวกับเทคนิคการสอนภาษาญี่ปุ่น ชุด “เทคนิคการสอนภาษาญี่ปุ่น (Tsunagu)” (ในภาษาไทยแปลว่า การเชื่อมโยงถึงกัน) ซึ่งสามารถชมบรรยากาศ และเรียนรู้แนวความคิดการสอนจริงในชั้นเรียนจากคุณครูที่เคยเข้าร่วมการฝึกอบรม
.
“เพราะการเรียนภาษาไม่ใช่เป็นแค่การสอนภาษา แต่ต้องเรียนรู้วัฒนธรรมของประเทศที่เราเรียนภาษานั้น ๆ ด้วย จึงเป็นที่มาของโครงการนี้ ซึ่งในอนาคตอาจจะมีการผลิตสื่อ-สาระบันเทิง Edutainment ขยายต่อจาก 3 รูปแบบที่กล่าวมา โดยคาดหวังว่าภายหลังจากการเปิดตัวโครงการดังกล่าว จะทำให้ทางมูลนิธิได้รับกระแสการตอบรับ แนวทางหรือประเด็นความท้าทายของการเรียนรู้ภาษาญี่ปุ่นจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งจะได้นำผลตอบรับเหล่านั้นมาพัฒนาสื่ออื่น ๆ ที่จะใช้ในอนาคตอีกด้วย” นายชูมะ กล่าว
.
ขณะที่ ครูธีรัช ลอมศรี ครูวิทยฐานะชำนาญการ โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จ.เชียงใหม่ กล่าวให้ความเห็นว่า สื่อการสอนมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้นักเรียนเข้าใจเนื้อหาได้ง่ายขึ้น สนุกสนาน จดจำได้นานขึ้น ช่วยกระตุ้นความอยากรู้ ส่งเสริมการคิดวิเคราะห์ ที่สำคัญช่วยพัฒนาทักษะการใช้ภาษาหลาย ๆ ด้าน ทั้งการฟัง พูด อ่าน และเขียน นักเรียนจะได้เรียนรู้ภาษาในบริบทที่หลากหลายทำให้กระบวนการเรียนรู้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสื่อด้านวัฒนธรรมญี่ปุ่น ทำให้นักเรียนเห็นภาพชัดเจนได้มากกว่าการที่ฟังเพียงครูบรรยาย ทำให้การสอนวัฒนธรรมของเจ้าของภาษาเป็นเรื่องสนุกง่ายต่อการเข้าใจ และสำหรับครูก็เป็นการง่ายต่อการเตรียมการสอนอีกด้วย ดังนั้น “สื่อ-สาระบันเทิง Edutainment” ของมูลนิธิฮาคูโฮโดจึงเป็นเครื่องมือที่มีคุณค่าอย่างมาก เพราะผสมผสานความรู้ด้านภาษา วัฒนธรรม เข้ากับความบันเทิง ทำให้การเรียนภาษาญี่ปุ่นไม่ใช่แค่เรื่องเครียดหรือยากเกินไป นักเรียนสามารถเรียนรู้ภาษาญี่ปุ่น รวมถึงวัฒนธรรมญี่ปุ่นผ่านการดูวิดีโอ ซึ่งช่วยให้ผู้เรียนมีความเข้าใจเนื้อหาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ผลตอบรับจากนักเรียนส่วนใหญ่ค่อนข้างดี นักเรียนรู้สึกสนุกกับการเรียนภาษาญี่ปุ่นและวัฒนธรรมญี่ปุ่นผ่านสื่อวิดีโอ จึงทำให้การเรียนรู้ไม่น่าเบื่อและเข้าใจง่ายขึ้น นักเรียนหลายคนบอกว่า เข้าใจในเนื้อหา และทำตามได้ไม่ยาก รู้สึกสนุกกับการสอนที่น่าสนใจแบบใหม่ของครู ได้ลงมือทำไปพร้อม ๆ กับวิดีโอ ช่วยให้พวกเขามีความสุขในการเรียนภาษาญี่ปุ่นมากขึ้น
.
สำหรับสื่อ-สาระบันเทิง Edutainment ทั้ง 3 รูปแบบ จะพร้อมเผยแพร่สู่สาธารณะตั้งแต่วันจันทร์ที่ 3 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถเข้าชมและเรียนรู้สื่อเหล่านี้ได้โดยเข้าไปที่เว็บไซต์ของมูลนิธิฮาคูโฮโดและทำการลงทะเบียนที่ https://hakuhodo-jplane.org/th/edutainment/ นอกจากนี้ ยังสามารถรับชมวิดีโอประกอบ “หนังสือเรียนภาษาญี่ปุ่น: อะกิโกะโตะโทะโมะดะจิ” ฉบับปรับปรุงใหม่ได้ทางเว็บไซต์ของ The Japan Foundation, Bangkok อีกด้วย ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมูลนิธิฮาคูโฮโด และโครงการ Japanese Language Program
ได้ที่ https://hakuhodo-jplang.org/th/about-us

Loading