
วันพฤหัสบดีที่ 5 มิถุนายน พ.ศ.2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นประธานการประชุมผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศ ครั้งที่ 5/2568 เพื่อแจ้งข้อราชการสำคัญและนโยบายสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ที่สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 โดยมีผู้บริหารของ สพฐ. ได้แก่ นางเกศทิพย์ ศุภวานิช รองเลขาธิการ กพฐ. นายพัฒนะ พัฒนทวีดล รองเลขาธิการ กพฐ. นายธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการ กพฐ. นายภูธร จันทะหงษ์ ปุณยจรัสธำรง ผู้ช่วยเลขาธิการ กพฐ. นางภัทริยาวรรณ พันธุ์น้อย ผู้ช่วยเลขาธิการ กพฐ. รวมถึงผู้อำนวยการและรองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ทั้ง 245 เขตทั่วประเทศ ผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ 77 จังหวัด ผู้อำนวยการสำนักและบุคลากรของ สพฐ. เข้าร่วม ณ ห้องประชุม สพฐ. 1 อาคาร สพฐ. 4 ชั้น 2 กระทรวงศึกษาธิการ และผ่านระบบออนไลน์ Zoom Meeting
ว่าที่ร้อยตรี ธนุ กล่าวว่า จากการขับเคลื่อนนโยบาย “เรียนดี มีความสุข” ของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) นำโดย พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศธ. นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รมช.ศธ. นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำ ศธ. และนโยบายของ สพฐ. ในตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา พบว่าทุกเขตพื้นที่สามารถนำนโยบายลงสู่การปฏิบัติลงถึงห้องเรียนได้จริง โอกาสนี้ พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศธ. ได้ฝากขอบคุณ ผอ.เขต ทุกคนที่ร่วมขับเคลื่อน “เรียนดี มีความสุข” มาด้วยกัน เพื่อลดภาระนักเรียนและผู้ปกครอง ลดภาระครูและบุคลากรทางการศึกษา ทั้งในเรื่องของการยกเลิกครูเวร การแก้ไขปัญหาหนี้สินครู ระบบจับคู่ครูคืนถิ่น (ระบบ TRS) โครงการ “สุขาดี มีความสุข” โครงการอาหารกลางวันนักเรียน โครงการ “พาน้องกลับมาเรียน นำการเรียนไปให้น้อง” การพัฒนาการศึกษาตามแนวทาง PISA รวมถึงการใช้เทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยในการทำงาน ซึ่งเขตพื้นที่ต้องเป็นต้นแบบให้กับโรงเรียนในสังกัด ตัวอย่างเช่นการประชุมต่างๆ ตอนนี้ใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ ไม่ใช้กระดาษแล้ว นอกจากนี้ ยังมีเรื่องการยกระดับคุณภาพการศึกษาในองค์รวม โดยเขตพื้นที่ต้องมีข้อมูลคะแนน O-NET, NT, RT หรือจุดอ่อน-จุดแข็งของทุกโรงเรียนในสังกัด หากตรงไหนที่คะแนนต่ำกว่าเกณฑ์ก็ต้องได้รับการแก้ไข ต้องลงไปดูอย่างจริงจัง ต้องมีข้อมูลพร้อมไว้ตลอดเวลา รวมถึงต้องมีข้อมูลนักเรียนที่สอบเข้าศึกษาต่อในโรงเรียนระดับที่สูงขึ้น โดยมีการแบ่งปันข้อมูลระหว่างกัน เพื่อนำมาบูรณาการแก้ไขให้การจัดการเรียนการสอนดีขึ้นต่อไป
“ในส่วนของการสอบ PISA ในเดือนสิงหาคมนี้ จากการดำเนินการต่างๆ ถือว่าเรามีความพร้อมในระดับหนึ่ง โอกาสนี้เราต้องช่วยกันกระตุ้น ช่วยกันให้กำลังใจนักเรียนและโรงเรียนที่จะถูกสุ่มเลือก ซึ่งถือเป็นตัวแทนของประเทศ หากผลการทดสอบออกมาดีก็จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศ ทำให้เห็นว่าคนไทยมีศักยภาพพร้อมที่จะพัฒนา สามารถดึงดูดนักลงทุน และเศรษฐกิจของเราก็จะดีตามไปด้วย นอกจากนี้ เราต้องส่งเสริมให้เด็กทุกคนมีสุขภาพกายและใจที่แข็งแรง ด้วยการออกกำลังกาย “กายดี จิตดี ปัญญาเกิด” โดยให้เด็กได้ออกกำลังกายที่เหมาะสมกับช่วงวัย เพื่อพัฒนาการทางร่างกายที่เหมาะสม เมื่อเด็กมีสุขภาพที่ดีแล้ว ก็จะเกิดการเรียนที่มีความสุข นำไปสู่สมรรถนะ “ฉลาดรู้ ฉลาดคิด ฉลาดทำ” ตัวอย่างเช่นการสอนคีตมวยไทยในโรงเรียน นอกจากจะทำให้สุขภาพดี ยังได้ทักษะป้องกันตัวเอง และเป็น Soft Power ของประเทศด้วย สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณ ผอ.เขต ทุกคน ที่ได้ร่วมกันขับเคลื่อนการยกระดับคุณภาพการศึกษาอย่างเต็มกำลัง เต็มศักยภาพ ตามเจตนารมณ์ของพลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศธ. ที่ได้เน้นย้ำว่าเราต้องปฏิวัติการศึกษา เพื่อก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของโลกในยุคปัจจุบัน และต้องนำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารจัดการเพื่อได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้เรียนทุกคนต่อไป” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว
โอกาสนี้ ผู้บริหารระดับสูงของ สพฐ. ได้นำเสนอผลการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายและจุดเน้น สพฐ. ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ นางเกศทิพย์ ศุภวานิช รองเลขาธิการ กพฐ. เรื่องการยกระดับคุณภาพการศึกษาสู่มาตรฐานสากล PISA, การดำเนินการขับเคลื่อนหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2568 สำหรับเด็กอายุ 3-6 ปี และหลักสูตรการศึกษาประถมศึกษาตอนต้น (ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-3) พุทธศักราช 2568, การนำผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน O-NET ไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา, การส่งเสริมการเรียนรู้ขั้นพื้นฐานทุกที่ทุกเวลา (Anywhere Anytime), การพัฒนาคุณภาพการศึกษาด้วยเทคโนโลยีการศึกษาทางไกล, การขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา เป็นต้น, นายพัฒนะ พัฒนทวีดล รองเลขาธิการ กพฐ. เรื่องการบริหารงานบุคคล, เรื่อง OBEC Zero Dropout ตามข้อสั่งการของ รมว.ศธ. ที่ได้มอบหมาย สพฐ. เป็นเจ้าภาพหลัก ทุกเขตพื้นที่ต้องทำการค้นหาติดตามนักเรียนในเขตของตัวเองให้กลับมาเรียน โดยเฉพาะโรงเรียนประถมศึกษาที่มีเขตรับผิดชอบชัดเจน หากเด็กไม่กลับมาเรียน ต้องนำการเรียนไปให้น้อง โดยใช้ 1 โรงเรียน 3 รูปแบบ ซึ่งสามารถทำได้หลากหลายวิธีการ และเน้นย้ำการจัดสรรงบประมาณ ค่าปรับปรุงซ่อมแซมอาคารเรียน ให้ทุกเขตเร่งกำกับติดตามการเบิกจ่ายให้ทันปีงบประมาณนี้, นายธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการ กพฐ. เรื่องความปลอดภัยในสถานศึกษา โดยกำชับเน้นย้ำให้มีการทำแผนเผชิญเหตุในทุกโรงเรียน เพื่อความปลอดภัยของนักเรียนและครู และสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ปกครอง, นายภูธร จันทะหงษ์ ปุณยจรัสธำรง ผู้ช่วยเลขาธิการ กพฐ. เรื่องโครงการสุขาดี มีความสุข สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน โดยมีเป้าหมายร้อยละ 100 ต้องผ่านเกณฑ์มาตรฐาน ทั้งในโรงเรียนและเขตพื้นที่ และเรื่องการขับเคลื่อน “สิ่งแวดล้อมศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน” ทั้งในส่วนกลาง เขตพื้นที่ และโรงเรียนทุกแห่ง, และนางภัทริยาวรรณ พันธุ์น้อย ผู้ช่วยเลขาธิการ กพฐ. เรื่องการดำเนินงานของสำนักติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน, การดำเนินงานกองทุนเพื่อโครงการอาหารกลางวัน และการประชาสัมพันธ์ในภาพรวม โดยส่งเสริมให้ทุกเขตพื้นที่มีการประชาสัมพันธ์ผลงานที่ดีในเขตของตัวเองให้สาธารณชนรับรู้มากขึ้น เป็นต้น

















