สพฐ. ร่วมประชุมประสานภารกิจ ศธ. ครั้งที่ 20/2568 ขับเคลื่อนความปลอดภัยในโรงเรียนชายแดน – ยกระดับการศึกษาไทยสู่มาตรฐานสากล

สพฐ. ร่วมประชุมประสานภารกิจ ศธ. ครั้งที่ 20/2568 ขับเคลื่อนความปลอดภัยในโรงเรียนชายแดน – ยกระดับการศึกษาไทยสู่มาตรฐานสากล

วันที่ 18 มิถุนายน 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เข้าร่วมการประชุมประสานภารกิจกระทรวงศึกษาธิการ ครั้งที่ 20/2568 โดยมี นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) เป็นประธานการประชุมฯ พร้อมด้วย ข้าราชการการเมือง ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงศึกษาธิการ ผู้บริหารหน่วยงานใน ศธ. และบุคลากรที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ณ ห้องประชุมราชวัลลภ กระทรวงศึกษาธิการ พร้อมกันนี้นางเกศทิพย์ ศุภวานิช รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รองเลขาธิการ กพฐ.) เข้าร่วมประชุมออนไลน์ผ่านระบบ Zoom meeting

นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า จากข้อสั่งการของนายกรัฐมนตร ในการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2568 ได้แสดงความห่วงใยต่อนักเรียนในพื้นที่ชายแดน เนื่องจากสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนกัมพูชา และได้มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ดำเนินการซักซ้อมรับมือเหตุการณ์ฉุกเฉิน โดยเฉพาะการฝึกใช้หลุมหลบภัย และให้มีการสำรวจความปลอดภัยและตำแหน่งที่ตั้งของหลุมหลบภัยอย่างรอบคอบ พร้อมเสนอให้มีการฝึกซ้อมประจำปีในทุกจังหวัด ไม่จำกัดเฉพาะพื้นที่ชายแดน

“ที่ผ่านมา ศธ. ได้มีการมอบหมายหน่วยงานในสังกัด ให้จัดทำแผนปฏิบัติ/แผนจัดการภัยพิบัติมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นภัยคุกคามจากคน ธรรมชาติ อัคคีภัย วาตภัย และภัยอื่น ๆ โดยนายกรัฐมนตรีห่วงใยเกี่ยวกับภัยสงคราม ของโรงเรียนทุกโรงเรียน ไม่ใช่เฉพาะโรงเรียนชายแดน สมควรจะต้องมีการซักซ้อมในการใช้หลุมหลบภัย โดย รมว.ศธ. พร้อม ผช.รมต.ศธ. ได้ลงพื้นที่เยี่ยมโรงเรียนที่จังหวัดศรีสะเกษ และพบอุปสรรคการใช้งาน อาทิ ความมั่นคง และหลุมหลบภัยอยู่ไกลเกินไป จึงมีข้อสั่งการว่า ให้สำรวจและดูความมั่นคงของหลุมหลบภัย และตำแหน่งที่ตั้งที่เหมาะสม โดย ศธ. พร้อมที่จะจัดสรรงบประมาณที่เสนอมา เพื่อดำเนินการในเรื่องดังกล่าว” รมช.ศธ. กล่าว

ในด้านการยกระดับคุณภาพการศึกษาสู่มาตรฐานสากล สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) รายงานผลการวิเคราะห์ข้อสอบตามแนวทาง PISA โดยใช้ข้อมูลจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปราจีนบุรี เขต 1 และสุพรรณบุรี เขต 3 พบว่านักเรียนยังมีปัญหาด้านการตีความบทอ่าน การคิดวิเคราะห์ และการประเมินสะท้อนความคิด จึงได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับปรุงการเรียนการสอนและรูปแบบข้อสอบให้เหมาะสมยิ่งขึ้น นอกจากนี้ กลุ่มโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย ได้จัดทำแบบวัดสมรรถนะความฉลาดรู้ด้านการอ่าน คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ในระดับสูง (ระดับ 5–6) ซึ่งประกอบด้วยแบบฝึกหัดและเฉลย สามารถนำไปใช้ได้จริง โดยเปิดให้โรงเรียนเครือข่ายและโรงเรียนทั่วไปดาวน์โหลดใช้งานได้ทันที และในส่วนของการขยายผลจากโครงการพี่เลี้ยงโรงเรียนเครือข่ายร่วมพัฒนาเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษา มีการจัดกิจกรรมรูปแบบการศึกษาสองทาง และกิจกรรมเปิดบ้าน (Open House) โดยปัจจุบันมีสถานศึกษาที่ได้รับการขยายผลแล้ว จำนวน 88 แห่ง และนักเรียนที่ได้รับการพัฒนาจากโครงการนี้แล้วถึง 2,997 คน

ขณะเดียวกัน สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) รายงานผลการวิเคราะห์เบื้องต้นจากรายงาน World Competitiveness Report 2025 โดยสถาบัน IMD ซึ่งจัดอันดับประเทศไทยด้านความสามารถทางการแข่งขันด้านการศึกษาไว้ที่อันดับ 30 ของโลก โดยบทเรียนสำคัญที่ได้คือ ประเทศไทยต้องเร่งพัฒนาระบบฐานข้อมูลการศึกษาให้ถูกต้อง ครบถ้วน และทันสมัย เพื่อยกระดับคุณภาพตัวชี้วัดในเวทีนานาชาติ พร้อมทั้งส่งเสริมบทบาทของภาคเอกชนจากเพียงร่วมดำเนินงาน ไปสู่การมีส่วนร่วมกำหนดนโยบายและร่วมรับผิดชอบการจัดการศึกษาอย่างเป็นรูปธรรม และแม้อันดับการศึกษาของไทยจะยังไม่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่ตัวชี้วัดเชิงสถิติโดยรวมมีแนวโน้มดีขึ้น สะท้อนถึงความก้าวหน้าของระบบการศึกษา อย่างไรก็ตาม อัตราการพัฒนายังไม่เร็วพอ จำเป็นต้องเร่งดำเนินการอย่างเข้มข้นและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นข้อมูล :

กลุ่มประชาสัมพันธ์ สร.ศธ.

Loading