
วันที่ 25 มิถุนายน 2568 นางเกศทิพย์ ศุภวานิช รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รองเลขาธิการ กพฐ.) ได้พบปะให้กำลังใจข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สังกัด สพม.นนทบุรี ในการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการ การพัฒนาหลักสูตรสมรรถนะฉลาดรู้ ฉลาดคิด ฉลาดทำ ตามหลักศาสตร์พระราชา ผ่านระบบออนไลน์ โดยมีตัวแทนจากโรงเรียนในสังกัดทั้ง 18 โรงเรียน ประกอบด้วย ผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้สามารถขับเคลื่อนการจัดการเรียนรู้ Active Learning ได้ดี ศึกษานิเทศก์ และบุคลากรจาก สพม.นนทบุรี รวมทั้งสิ้น 62 คน เข้าร่วม ณ หอประชุมโรงเรียนนวมินทราชินูทิศ หอวัง นนทบุรี จังหวัดนนทบุรี โดยมีนายครรชิต มนูญผล อดีตศึกษานิเทศก์เชี่ยวชาญ เป็นวิทยากรให้ความรู้แก่ผู้เข้ารับการอบรม
.
การอบรมเชิงปฏิบัติการในครั้งนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 25 – 26 มิถุนายน 2568 เพื่อพัฒนาหลักสูตรบูรณาการสร้างสมรรถนะผู้เรียน ฉลาดรู้ ฉลาดคิด และฉลาดทำ สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงได้อย่างสร้างสรรค์ต่อยอดอาชีพ อย่างเหมาะสมกับบริบทของสังคมในปัจจุบันและอนาคต พร้อมทั้งพัฒนาศักยภาพครูผู้สอนในการออกแบบและการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญตลอดจนการประเมินผลและการพัฒนาคุณภาพการศึกษาอย่างยั่งยืน ซึ่งสมรรถนะความฉลาดรู้ของผู้เรียนเป็นสิ่งที่เป็นไปตามแนวนโยบายและจุดเน้นของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และเป็นการเตรียมความพร้อมของครูผู้สอนในการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนสู่การรับการทดสอบระดับชาติและระดับนานาชาติ และจะส่งผลดีต่อตัวของผู้เรียนในการดำเนินชีวิตในสังคมและเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพของประเทศชาติ
.
นางเกศทิพย์ ศุภวานิช กล่าวว่า ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 และฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560 กำหนดเป้าหมายสำคัญ 3 ประการ คือ มาตรฐาน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ซึ่งการอบรมในครั้งนี้สามารถนำไปขยายผลให้กับครูผู้สอนเพื่อนำไปพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา จัดกิจกรรมการเรียนรู้ พัฒนาครูผู้สอนและผู้เรียนให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างเป็นรูปธรรม กลายเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์สมรรถนะที่เด็กสามารถนำไปใช้ได้ สร้างทักษะให้เด็กมีสติ ปัญญา กระบวนการคิดอย่างเป็นระบบ และสามารถนำไปใช้ในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ ส่วนในเรื่องของหลักสูตรที่เน้นสมรรถนะ มีเป้าหมายเพื่อให้เด็กเกิดทักษะความฉลาดรู้ ฉลาดคิด ฉลาดทำ เมื่อผนวกกับองค์ความรู้ตามหลักศาสตร์พระราชา ถือเป็นการบูรณาการบริหารจัดการหลักสูตรสถานศึกษาได้อย่างดีเยี่ยม ครูผู้สอนสามารถบริหารจัดการเวลาของนักเรียน สร้างองค์ประกอบของนักเรียนให้เกิดสมรรถนะมากขึ้น นำไปสู่ความยั่งยืน มีภูมิคุ้มกันในตัวเองและนักเรียนเกิดการเรียนรู้ในสิ่งที่อยากเรียนรู้ มีการแสวงหาองค์ความรู้ที่ตนเองอยากเรียนรู้ นำไปสู่ Active learning ครูสามารถเขียนจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ และบันทึกหลังการสอนของนักเรียน ทำให้เราเติมเต็มนักเรียนเป็นรายบุคคลได้ตรงจุดและบริหารจัดการได้บนพื้นฐานการบริหารที่เข้มแข็งของผู้บริหารโรงเรียนและครูผู้สอน ซึ่งเป็นผู้ใกล้ชิดกับนักเรียนที่สร้างบรรยากาศการเรียนรู้ และศึกษานิเทศก์ที่เป็นพี่เลี้ยงให้ครูทั้ง 18 โรงเรียนนี้ และเมื่อนักเรียนมีเวลาจะสามารถต่อยอดองค์ความรู้ทำในสิ่งที่สนใจและถนัด จนเกิดทักษะ Future Skill องค์ประกอบเหล่านี้ทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับนักเรียน ผู้ปกครอง และชุมชนต่อไป
.
“โอกาสนี้ ขอขอบคุณวิทยากร ผู้อำนวยการโรงเรียน ทั้ง 18 แห่ง ที่ร่วมแรงร่วมใจกันเป็นอย่างดี ซึ่งการจัดการอบรมลักษณะนี้ ต้องอาศัยใจที่ร่วมกันขับเคลื่อนเพื่อนักเรียนของเราได้รับโอกาส ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม และขอบคุณ ผอ.สพม.นนทบุรี ที่เข้มแข็งในการดำเนินการ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนปฏิบัติหน้าที่ของตนเองต่อไปด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจ และร่วมภาคภูมิใจในตัวของทุกคนที่ทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ เพื่อคุณภาพการศึกษาของประเทศสู่มาตรฐานสากล” รองเลขาธิการ กพฐ. กล่าว



