สพฐ. ประชุมกำชับแนวทางปฏิบัติงานในสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา เน้นย้ำความปลอดภัยสถานศึกษาเป็นสำคัญ

วันที่ 13 พฤศจิกายน 2568 นายพิเชฐ โพธิ์ภักดี เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน มอบหมายให้ นางภัทริยาวรรณ พันธุ์น้อย รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นประธานเปิดการประชุมกำชับแนวทางการปฏิบัติงานในสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ผ่านระบบออนไลน์ (Zoom Meeting) โดยมีผู้อำนวยการสำนักอำนวยการ ผู้อำนวยการสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ ผู้แทนสำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา ผู้บริหารศูนย์บริหารความสุขและความปลอดภัย ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และผู้อำนวยการสถานศึกษาในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา 7 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดตราด จังหวัดจันทบุรี จังหวัดสระแก้ว จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดสุรินทร์ จังหวัดศรีสะเกษ และจังหวัดอุบลราชธานี เข้าร่วมประชุม ซึ่งการประชุมดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อกำชับแนวทางการดำเนินงานของหน่วยงานทางการศึกษาในพื้นที่ชายแดนให้มีความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ความไม่สงบที่อาจเกิดขึ้น

.

นางภัทริยาวรรณ พันธุ์น้อย รองเลขาธิการ กพฐ. กล่าวว่า การประชุมในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อซักซ้อมความเข้าใจและกำชับแนวทางการปฏิบัติงานของหน่วยงานทางการศึกษาในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชาให้สอดคล้องกับนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) โดยเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานในสังกัดดำเนินงานตามมาตรการด้านความปลอดภัยอย่างรัดกุม เพื่อป้องกันและลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสถานศึกษา นักเรียน และบุคลากรทางการศึกษา พร้อมเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ที่อาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา โดย สพฐ. จะติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาอย่างใกล้ชิด และพร้อมสนับสนุนการดำเนินงานทุกด้าน เพื่อให้การดูแลนักเรียน ครู บุคลากรทางการศึกษา และสถานศึกษาในพื้นที่เป็นไปอย่างปลอดภัย ทั้งยังเน้นให้ทุกหน่วยงานดำเนินการตามแผนเผชิญเหตุและรายงานข้อมูลตามลำดับขั้น เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างรวดเร็วและทันท่วงที พร้อมยืนยันว่า “สพฐ. มีความห่วงใยต่อสวัสดิภาพของนักเรียนและบุคลากรทางการศึกษาในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา และจะร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการสร้างความปลอดภัยให้สถานศึกษาในทุกมิติ”

.

โอกาสนี้ รองเลขาธิการ กพฐ. ยังได้รับฟังรายงานสถานการณ์จากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาในพื้นที่ชายแดน 7 จังหวัด ซึ่งได้สะท้อนปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข เช่น การจัดตั้งศูนย์พักพิงในวัดและโรงเรียน การบริหารจัดการงบประมาณอาหารกลางวันและสาธารณูปโภคในช่วงปิดเรียน การซ่อมแซมอาคารสถานศึกษาที่ได้รับความเสียหาย การจัดการเรียนการสอนทางไกลในพื้นที่เสี่ยง และการให้การดูแลเยียวยาด้านจิตใจแก่เด็กและครูผู้ได้รับผลกระทบ

.

ทั้งนี้ สพฐ. ได้กำหนดแนวทางปฏิบัติสำคัญในการดูแลสถานศึกษาในพื้นที่ชายแดน อาทิ การจัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราว การจัดทำแผนเผชิญเหตุและซักซ้อมแผนอพยพ การพัฒนาระบบรายงานสถานศึกษาที่ได้รับผลกระทบ การดูแลและเยียวยาด้านจิตใจแก่นักเรียนและบุคลากรทางการศึกษา รวมถึงการบริหารจัดการเรียนการสอนในช่วงสถานการณ์ฉุกเฉิน ทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อให้การเรียนรู้ของนักเรียนดำเนินต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง

.

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้มีการเน้นย้ำให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและสถานศึกษาดำเนินการตามหนังสือ สพฐ. ด่วนที่สุด ที่ ศธ 04001/ว 4211 อย่างเคร่งครัด เพื่อให้การดำเนินงานด้านความปลอดภัยในสถานศึกษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที พร้อมกันนี้ ศูนย์บริหารความสุขและความปลอดภัย (ศสป.สพฐ.) ได้รายงานความคืบหน้าการพัฒนาระบบ OBEC Border Safe เพื่อใช้เป็นระบบรายงานสถานศึกษาที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบชายแดนไทย–กัมพูชา โดยอยู่ระหว่างการทดสอบการใช้งานจริง เพื่อให้สามารถรายงานข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ถูกต้อง และไม่เพิ่มภาระแก่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา พร้อมเตรียมจัดส่งแนวทางจัดทำแผนเผชิญเหตุของสถานศึกษาในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินให้ทุกพื้นที่นำไปปรับใช้ต่อไป

.

ข่าว : ยศุเนตร ธรรมปาน

ภาพ : ศูนย์บริหารความสุขและความปลอดภัย (ศสป.สพฐ.)

ศูนย์สารนิเทศการศึกษาขั้นพื้นฐาน