เลขาธิการ กพฐ. “พิเชฐ” ประชุมผู้บริหาร สพฐ. นัดแรก ย้ำข้อสั่งการ รมว.ศธ. เตรียมจับมือการเคหะฯ ซ่อม-สร้างบ้านพักครู พร้อมเดินหน้าสร้างคุณภาพผู้เรียนอย่างเต็มศักยภาพ

วันที่ 7 ตุลาคม 2568 นายพิเชฐ โพธิ์ภักดี เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เป็นประธานการประชุมผู้บริหาร สพฐ. ครั้งที่ 37/2568 ซึ่งเป็นการประชุมนัดแรกหลังดำรงตำแหน่งฯ โดยเน้นย้ำข้อสั่งการตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ และ สพฐ. เพื่อให้ผู้บริหารและบุคลากรดำเนินการขับเคลื่อนอย่างเร่งด่วน พร้อมมอบแนวทางการทำงานที่มีประสิทธิภาพ โดยมี นายพิเชฐร์ วันทอง รองเลขาธิการ กพฐ. นายวิษณุ ทรัพย์สมบัติ รองเลขาธิการ กพฐ. นางภัทริยาวรรณ พันธุ์น้อย รองเลขาธิการ สพฐ. รวมถึงผู้อำนวยการเขตตรวจราชการ ผู้อำนวยการสำนักต่างๆ และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ณ ห้องประชุม สพฐ. 1 อาคาร สพฐ. 4 ชั้น 2 กระทรวงศึกษาธิการ และผ่านระบบ Zoom meeting
.
นายพิเชฐ กล่าวว่า วันนี้นับเป็นโอกาสดีที่ได้มาพบผู้บริหารสำนักต่างๆ ซึ่งตนได้เน้นย้ำการนำประเด็นข้อสั่งการของ ศาสตราจารย์นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) ไปสู่การขับเคลื่อนปฏิบัติให้เป็นรูปธรรม ทั้งในด้านการลดภาระงานของครู การเพิ่มสวัสดิการครูและบุคลากรทางการศึกษา การส่งเสริมการเรียนรู้ประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมือง รวมถึงพัฒนาการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ และปรับหลักสูตรแกนกลางฯให้สอดคล้องกับบริบทของแต่ละพื้นที่ จากนั้นในที่ประชุมได้รายงานผลการดำเนินงานของ สพฐ. ในปีงบประมาณ 2568 ที่ผ่านมา พบว่าผลการดำเนินงานเป็นที่น่าพอใจ สามารถทำโครงการต่างๆ ได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ และได้รับฟังแนวทางการทำงานของแต่ละสำนัก ว่ามีองค์ประกอบ โครงสร้าง ความรับผิดชอบอะไรบ้าง พร้อมกันนี้ ตนได้มอบแนวทางการทำงานสู่ความสำเร็จ 9 ประการ คือ 1.ยึดหลักราชการ 2.บูรณาการความร่วมมือ 3.ถือผู้เรียนเป็นสำคัญ 4.ก้าวทันเทคโนโลยี 5.มีจิตอาสา 6.พัฒนาอย่างต่อเนื่อง 7.รุ่งเรืองด้วยคุณธรรม 8.เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง 9.แสดงความจงรักภักดี เพื่อการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
.
สำหรับความคืบหน้าเรื่องสถานการณ์อุทกภัยที่มีสถานศึกษาหลายแห่งได้รับผลกระทบนั้น ตนได้มีการลงพื้นที่ร่วมกับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า) ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.ศธ. และผู้บริหารการศึกษาในพื้นที่ เพื่อตรวจเยี่ยมสถานศึกษาที่ได้รับผลกระทบ และให้กำลังใจคณะครู นักเรียน โดย รมว.ศธ. จะนำเรื่องเสนอ ครม. เพื่อขอสนับสนุนงบกลางสำหรับการซ่อมแซมอาคารสถานที่ในส่วนที่ได้รับความเสียหายอย่างเร่งด่วน นอกจากนั้น ได้มีการลงพื้นที่ดูสภาพบ้านพักครูที่มีการเสื่อมโทรม และมีความเห็นตรงกันว่าควรจะปรับปรุงซ่อมแซมบ้านพักครูให้ดีขึ้นเพื่อเป็นสวัสดิการของครูและบุคลากรฯ โดยส่วนหนึ่ง สพฐ. จะทำการปรับปรุง ซ่อมแซมบ้านพักครูเอง และอีกส่วน สพฐ. จะร่วมกับการเคหะแห่งชาติ ในการซ่อม-สร้างบ้านพักครู ภายใต้ 2 แนวทาง คือ 1. จ้างการเคหะแห่งชาติให้ซ่อม-สร้างอาคาร ในพื้นที่ของโรงเรียน สพฐ. ที่มีจำนวนเด็กนักเรียนลดน้อยลง หรือโรงเรียนที่ยุบเลิกไม่มีการเรียนการสอนแล้ว มีอาคารว่างที่สามารถใช้งานได้ เราจะจ้างการเคหะฯให้มาสร้างบ้านพักหรือหอพักครูให้ โดยที่ครูไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเข้าอยู่อาศัย 2. สำหรับครูที่ต้องการมีบ้านเป็นของตัวเอง การเคหะฯจะสร้างบ้านให้ โดยทำข้อตกลงความร่วมมือกับธนาคารหรือสหกรณ์ออมทรัพย์ เพื่อให้ครูได้ซื้อบ้านที่มีคุณภาพ ผ่อนระยะยาว ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ ทั้งหมดนี้เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้ครูและบุคลากรฯ ได้มีชีวิตที่ดีขึ้นและปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มศักยภาพต่อไป
.
ในส่วนของประเด็นการย้ายนักเรียนเข้า-ออกชั่วคราว เพื่อสร้างอัตรากำลังครูเกินจริง ซึ่งกำลังเป็นกระแสข่าวอยู่ในขณะนี้ ล่าสุด สพฐ. ได้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงแล้ว หากตรวจสอบพบว่าเรื่องดังกล่าวมีมูลความจริง ถือว่าเป็นการกระทำที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่ระบบการศึกษาและความเป็นธรรมในระบบราชการครู ต้องมีการลงโทษอย่างเด็ดขาด พร้อมทั้งได้กำชับให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษทุกแห่ง ดำเนินการบริหารอัตรากำลังครูตามมาตรการบริหารจัดการกำลังคนภาครัฐ (พ.ศ. 2566 – 2570) และแนวทางปฏิบัติ รวมถึงหลักเกณฑ์ที่ ก.ค.ศ. กำหนด อย่างเคร่งครัด โดยยึดหลักความโปร่งใส เป็นธรรม คำนึงถึงประโยชน์ของทางราชการเป็นสำคัญ ทั้งนี้ หากตรวจสอบพบว่าสถานศึกษาใดมีพฤติกรรมดังกล่าว จะดำเนินการทางวินัยกับผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาด เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป
.
“สุดท้ายคือเรื่องการพัฒนาผู้เรียน ตามที่ รมว.ศธ. ได้ให้ข้อสั่งการไว้ว่า การพัฒนาผู้เรียนจะต้องมีการพัฒนาตามศักยภาพ เพราะเด็กทุกคนมีความดีความเก่งที่แตกต่างกันไป เราจะพัฒนาให้พวกเขามีความสุขในการเรียนรู้ตามศักยภาพของตนเอง ดังนั้นการวัดและประเมินผลก็ควรวัดตามพัฒนาการของเด็ก ไม่ใช่แค่การจัดอันดับตามคะแนนสอบเท่านั้น รวมถึงการส่งเสริมวิชาประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมือง โดยปลูกฝังให้นักเรียนให้ความสำคัญกับสถาบันหลักของชาติ ได้แก่ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และทำหน้าที่พลเมืองให้ดีที่สุด ส่วนนักเรียนที่ได้รับผลกระทบตามแนวชายแดนจะมีการเติมความรู้สู่น้อง 4 จังหวัด ได้แก่ สุรินทร์ บุรีรัมย์ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ ในระหว่างวันที่ 20-23 ตุลาคม 2568 จะมีการติวฟรีเพื่อเตรียมความพร้อมในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ทดแทนช่วงเวลาที่เสียไปในช่วงที่มีการปะทะตามแนวชายแดน เพื่อให้โอกาสทางการศึกษาเดินหน้าต่อไปได้ รวมถึงการพัฒนาศักยภาพครู พัฒนาการเรียนการสอนในด้านอื่นๆ ตามนโยบาย รมว.ศธ. อีกด้วย” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว