สพฐ. ชื่นชม รร.ยูงทองพิทยาคม สร้างสมรรถนะผ่านร้านกาแฟในรร. ส่งเสริมอาชีพครบกระบวนการ

วันที่ 8 สิงหาคม 2565 นางเกศทิพย์ ศุภวานิช รองเลขาธิการ กพฐ. ได้ร่วมพบปะผู้บริหารและบุคลากรของ สพม.อุดรธานี รวมถึงผู้อำนวยการโรงเรียนในพื้นที่ จ.อุดรธานี และบรรยายพิเศษ เรื่อง “การจัดการเรียนรู้เชิงรุก Active Learning สู่การพัฒนาสมรรถนะผู้เรียนในศตวรรษที่ 21” พร้อมทั้งเปิดและเยี่ยมชม ร้านกาแฟยูงทอง ซึ่งมีนักเรียนเป็นผู้บริหารจัดการ ณ โรงเรียนยูงทองพิทยาคม จ.อุดรธานี

นางเกศทิพย์ ศุภวานิช กล่าวว่า การเรียนรู้ไม่ใช่จะเกิดได้เพียงในห้องเรียนอย่างเดียวเท่านั้น จะเป็นบริเวณนอกห้องเรียนหรือนอกรั้วโรงเรียนก็ถือว่าเป็นห้องเรียนได้หมด ผู้บริหารสถานศึกษาพานำ พาทำ พร้อมขับเคลื่อนการบริหารสถานศึกษา ควบคู่ไปกับการสร้างคน สร้างให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้อย่างมีปัญญา ด้วยความใส่ใจเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ส่งเสริมให้นักเรียนเป็นพลเมืองที่ดี และเกิดการเรียนรู้ที่คงทน ยั่งยืน พร้อมกันนั้นต้องสร้างการจัดการเรียนการสอนในรูปแบบที่เน้น Active Learning บูรณาการกับการดำเนินชีวิตประจำวัน และในทุกสาระวิชา จัดการเรียนรู้โดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ พร้อมร่วมกันบ่มเพาะคุณลักษณะอันพึงประสงค์ให้เกิดขึ้นกับนักเรียนทุกคน ควบคู่ไปกับคุณภาพผู้เรียนทั้งด้านองค์ความรู้ ด้านทักษะอาชีพ และด้านทักษะชีวิต

นางเกศทิพย์ กล่าวต่อไปว่า สิ่งที่ขอชื่นชมคือการที่โรงเรียนจัดทำโครงการส่งเสริมอาชีพ ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาให้น้อยที่สุด โดยการใช้สิ่งที่มีอยู่รอบตัวมาใช้เป็นสื่อในการจัดการเรียนการสอนได้เป็นอย่างดี ซึ่งกลไกสำคัญคือผู้อำนวยการสถานศึกษาต้องเป็นผู้นำในทุก ๆ ด้าน ต้องเป็นนักประสานงานที่ดี เป็นทั้งผู้สั่งการ ผู้อำนวยความสะดวก ผู้ประสานงาน เป็นผู้ลงมือทำ เป็นผู้ให้คำปรึกษา เป็นนักแก้ปัญหา และกำกับ ติดตามทุกงานด้วยตนเอง ทั้งนี้ สิ่งที่ขอฝากคือเรื่องการจัดการเรียนการสอนให้ผู้เรียนเกิดองค์ความรู้ เกิดทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 และมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ทั้ง 8 ประการ อย่างคงทน เหมาะสมกับการดำรงชีวิตในปัจจุบันและในอนาคต ซึ่งผู้อำนวยการสถานศึกษาและคุณครูจะต้องร่วมมือกัน PLC นำพาผู้เรียนให้บรรลุเป้าหมายสูงสุด คือ คุณภาพผู้เรียน นั่นเอง

“จากการเยี่ยมชมในวันนี้ ขอชื่นชมการดำเนินงาน “ร้านกาแฟยูงทอง” ที่เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.30 – 16.30 น. เป็นการดำเนินงานร้านกาแฟในรูปบริษัทสร้างการดี สหกรณ์โรงเรียน มีนักเรียนเป็นผู้บริหารจัดการ ดำเนินกิจกรรมในรูปแบบของคณะกรรมการ มีการแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบออกเป็นฝ่าย ซึ่งทางโรงเรียนได้นำ “ร้านกาแฟยูงทอง” มาใช้ในการจัดการเรียนการสอนในทุกระดับชั้น โดยชั้น ม.ต้น จะอยู่ในกิจกรรมลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ ส่วนชั้น ม.ปลาย จะบูรณาการกับรายวิชาแนะแนว และกิจกรรมส่งเสริมทักษะอาชีพ สิ่งที่น่าชื่นชมคือนอกจากจะส่งเสริมทักษะอาชีพแล้ว ยังฝึกให้นักเรียนเป็นผู้ประกอบการ สามารถนำไปพัฒนาตนเอง ต่อยอดในการสร้างรายได้ และสร้างอาชีพให้กับตนเองได้” รองเลขาธิการ กพฐ. กล่าว

ทั้งนี้ โรงเรียนยูงทองพิทยาคม จัดการศึกษาในระดับชั้น ม.1-6 มีเขตพื้นที่บริการ 4 ตำบล ได้แก่ ต.บ้านก้อง ต.นายูง ต.นาแค และ ต.โนนทอง มีนักเรียน 762 คน ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา  54 คน โดยจุดเด่นของโรงเรียนคือการพัฒนาสถานศึกษา เพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษา ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ส่งผลให้สถานศึกษามีจำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้น ด้วยแนวคิด “ถ้าเราพัฒนาโรงเรียนของเราให้ดี คนของเราจะบอกต่อและมีคนขอมาเข้าเรียนโรงเรียนของเรา” พร้อมกับจัดทำโครงการเพื่อพัฒนาสถานศึกษาโดยให้มีผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย รับรู้ มีส่วนร่วมและตระหนักในการพัฒนาสถานศึกษาให้น่าดู น่าอยู่ น่าเรียน พร้อมรับการประสานงาน ช่วยเหลือตามความถนัดของส่วนราชการ นอกจากนั้นยังปรับภูมิทัศน์ อาคาร สถานที่ ห้องเรียนให้สะอาด น่าอยู่ โดยมีการประสานงานความร่วมมือกับชุมชน ส่วนราชการ รัฐและเอกชนตามความถนัดของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจนั้น ๆ

สำหรับแผนการสอน ทางโรงเรียนได้เปิดแผนการสอนที่ตอบสนองความต้องการและความนิยมของยุคปัจจุบัน อาทิ ห้องเรียนทั่วไป ห้องเรียนอาชีพ และห้องเรียนพิเศษ (ภายใน) โดยเฉพาะห้องเรียนพิเศษ ได้ประกาศเป็นนโยบาย เปิดแผนห้องเรียนพิเศษ (โรงเรียนนานาชาติชุมชน) โดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย เริ่มต้นเปิดเรียนในระดับชั้น ม.ต้น และชั้น ม.ปลาย (ม.1 และ ม.4) อย่างละ 1 ห้องเรียน เป็นห้องเรียนติดแอร์ มีสื่อที่ทันสมัย คัดเลือกครูที่มีคุณภาพ หรือครูชาวต่างประเทศ มาเป็นวิทยากรพิเศษ และจัดสอนเพิ่มเติม โดยไม่คิดค่าเรียน หลังเลิกเรียนสัปดาห์ละ 3 วัน (เน้นคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาอังกฤษ) โดยมีเงื่อนไขว่าต้องสอบคัดเลือกเข้าให้ได้ และรับเข้าเรียนห้องละไม่เกิน 30 คน  ซึ่งสอดรับกับแนวทางการพัฒนาพหุปัญญา ที่ส่งเสริมให้นักเรียนได้เรียนรู้อย่างมีความสุข รองเลขาธิการ กพฐ. กล่าว