รมว.ศธ. ห่วงใยเหตุเพลิงไหม้ถังเก็บสารเคมี กำชับ สพฐ. เร่งดูแลโรงเรียนได้รับผลกระทบ พร้อมย้ำทบทวนแผนเผชิญเหตุ

วันที่ 10 พฤษภาคม 2567 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ถังจัดเก็บสารไพรโรไลซิสิส แก๊สโซลีน ของบริษัทแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ที่ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง เหตุเกิดเมื่อเวลา 10.45 น. ของวันที่ 9 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถดับไฟได้แล้ว และอยู่ระหว่างการเฝ้าระวัง โดยมีการประกาศให้ชุมชนหนองแฟบ ตากวน อ่าวประดู่ เป็นพื้นที่ประสบเหตุสาธารณภัย เพื่อให้การดำเนินการเข้าระงับได้สะดวก ให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างเต็มที่ พร้อมติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด นั้น

.

ว่าที่ร้อยตรี ธนุ กล่าวว่า จากเหตุดังกล่าวที่เกิดขึ้น พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) และนายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) ได้รับทราบเหตุแล้วและมีความห่วงใยนักเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษา ในสถานศึกษาที่อยู่โดยรอบบริเวณนิคมอุตสาหกรรมดังกล่าว ที่อาจได้รับผลกระทบจากอากาศปนเปื้อนสารเคมี เนื่องจากเป็นสัปดาห์เตรียมความพร้อมเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 จึงได้กำชับให้ สพฐ. ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมสำรวจความเสียหายต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อสนับสนุนให้การช่วยเหลือสถานศึกษา นักเรียนและครู ได้อย่างทันท่วงที และรายงานความคืบหน้าให้ทราบอย่างต่อเนื่องจนกว่าเหตุการณ์จะยุติและปลอดภัย

.

เลขาธิการ กพฐ. กล่าวต่อไปว่า ในส่วนของสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ที่อยู่บริเวณโดยรอบอุตสาหกรรมมาบตาพุดนั้น ตนได้รับรายงานจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) ระยอง เขต 1 ว่า มีโรงเรียนที่ได้รับผลกระทบ จำนวน 4 แห่ง คือ  โรงเรียนบ้านมาบตาพุด โรงเรียนวัดตากวน โรงเรียนบ้านหนองแฟบ และโรงเรียนวัดมาบชะลูด โดย สพฐ. ได้กำชับให้เขตพื้นที่แจ้งให้ผู้อำนวยการโรงเรียนทุกแห่งในพื้นที่เตรียมความพร้อมและเฝ้าระวัง พร้อมแก้ไขตามสถานการณ์ปัจจุบันและรายงานอย่างต่อเนื่อง จนกว่าเหตุการณ์จะยุติและปลอดภัย พร้อมกำชับครูให้ประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยครูที่พักอาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดให้อพยพไปอยู่ในที่ปลอดภัยก่อน และให้โรงเรียนประสานกับชุมชน เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ ขณะเดียวกันโรงเรียนที่ได้รับผลกระทบจะดำเนินการตามแผนเผชิญเหตุ และเตรียมการอพยพ หากได้รับการประสานจากหน่วยงานที่ดูแลพื้นที่ โดย สพฐ. พร้อมให้การดูแลนักเรียน ครู และผู้ปกครองที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวทุกคน 

.

“พร้อมกันนี้ ได้กำชับให้ สพป.ระยอง เขต 1 ได้ติดตามสถานการณ์สภาพปัจจุบันว่า คุณครู นักเรียนและผู้ปกครอง ในพื้นที่ดังกล่าวได้รับผลกระทบเพิ่มเติมอีกหรือไม่ พร้อมทั้งให้ขวัญและกำลังใจคณะครูและนักเรียนของโรงเรียนที่ได้รับผลกระทบด้วย ส่วนการดำเนินการต่อไป สพฐ. เห็นว่าในช่วงเดือนที่ผ่านมา เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานและสารเคมีรั่วไหลบ่อยครั้ง จึงขอเน้นย้ำสถานศึกษาทุกแห่งให้ทบทวนแผนการเผชิญเหตุ และให้นักเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษา ได้ฝึกซ้อมแผนเผชิญเหตุอย่างจริงจัง โดยเฉพาะสถานศึกษาที่อยู่ใกล้โรงงานอุตสาหกรรม แหล่งจัดเก็บสารเคมีต่างๆ ทั้งนี้ หากเกิดเหตุต่างๆ ขึ้น ขอให้แจ้ง สพฐ. ในทันที เพื่อให้การสนับสนุนช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนต่อไป” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว