สพฐ. เอาจริง ประกาศสัปดาห์รณรงค์ป้องกันบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าในโรงเรียนฯ ชวนเด็กห่างไกลบุหรี่ทุกพื้นที่

วันที่ 27 พฤษภาคม 2567 นายธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รองเลขาธิการ กพฐ.) แถลงข่าวการประกาศจัดกิจกรรม “สัปดาห์แห่งการรณรงค์ป้องกันการแพร่ระบาดของบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าในสถานศึกษา” เนื่องในวันงดสูบบุหรี่โลก (31 พฤษภาคม) ในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เพื่อสร้างความตระหนัก ให้ความรู้ในการป้องกัน ควบคุม และแก้ไขการแพร่ระบาดของบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าในสถานศึกษาอย่างเป็นรูปธรรม ณ สวนวันครู อาคาร สพฐ. 1 กระทรวงศึกษาธิการ

.

นายธีร์ กล่าวว่า ปัญหาการแพร่ระบาดของบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าในสถานศึกษา เป็นเรื่องที่พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศธ. และนายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รมช.ศธ. รวมถึงว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการ กพฐ. มีความห่วงใยเด็กและเยาวชนในวัยเรียน เนื่องจากผลสำรวจการบริโภคผลิตภัณฑ์ยาสูบ Global Youth Tobacco Survey : GYTS ปี พ.ศ. 2565 ของประเทศไทย ในกลุ่มนักเรียนที่มีอายุระหว่าง 13-15 ปี พบว่า เด็กและเยาวชนสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้นถึง 5.3 เท่า จึงได้มีข้อสั่งการให้หน่วยงานในสังกัดดำเนินการขับเคลื่อนมาตรการป้องกันและควบคุมบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าในสถานศึกษาอย่างเข้มข้น ประกอบกับองค์การอนามัยโลกได้กำหนดให้วันที่ 31 พฤษภาคม ของทุกปีเป็นวันงดสูบบุหรี่โลก ซึ่งในปี 2567 ได้กำหนดประเด็นในการรณรงค์ คือ “บุหรี่ไฟฟ้า : หยุดโกหกได้แล้ว” หรือ Stop the lies โดยกองงานคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ ได้ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ/ภาคเอกชนและภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ในการขับเคลื่อนการป้องกัน ควบคุมการบริโภคยาสูบในกลุ่มเด็กและเยาวชน โดยเฉพาะในสถานศึกษา ทั้งเชิงนโยบายและการดำเนินการสถานศึกษาปลอดบุหรี่ตามพระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2560 และตามแผนยุทธศาสตร์การควบคุมยาสูบแห่งชาติ ฉบับที่ 3 พ.ศ. 2565-2570 ภายใต้ยุทธศาสตร์ที่ 2 ป้องกันมิให้เกิดผู้เสพยาสูบรายใหม่ และเฝ้าระวังธุรกิจยาสูบ ในการป้องกันนักสูบหน้าใหม่ โดยการให้ความรู้ ตระหนักถึงภาวะเสพติดและพิษร้ายแรงของผลิตภัณฑ์ยาสูบ รวมทั้งจำกัดการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ยาสูบ และเฝ้าระวังธุรกิจยาสูบและผู้ที่เกี่ยวข้อง

.

สพฐ. พร้อมขับเคลื่อนตามนโยบายดังกล่าว จึงได้แจ้งไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาให้เน้นย้ำสถานศึกษาดำเนินการขับเคลื่อนมาตรการป้องกันและควบคุมบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าในสถานศึกษา โดยปฏิบัติตามแนวทางการป้องกัน ควบคุม และแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดบุหรี่ไฟฟ้า กรณีพบผู้ครอบครองหรือเสพ หรือรับไว้ซึ่งบุหรี่ไฟฟ้าในสถานศึกษา และขอความร่วมมือการแก้ไขปัญหาบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า ดังนี้ 1.จัดทำนโยบายโรงเรียนปลอดบุหรี่เป็นลายลักษณ์อักษร ประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางที่หลากหลาย 2.จัดตั้งคณะทำงานโรงเรียนปลอดบุหรี่ สำรวจข้อมูลการสูบบุหรี่ในโรงเรียน 3.ติดเครื่องหมายห้ามสูบบุหรี่ให้เห็นชัดเจนบริเวณทางเข้าโรงเรียนทุกช่องทาง 4.วางแผนและกำหนดกิจกรรมสอดแทรกเรื่องบุหรี่ทั้งในและนอกหลักสูตร 5.ส่งเสริมกิจกรรมร่วมรณรงค์ให้นักเรียนป้องกันการสูบบุหรี่ทั้งในและนอกโรงเรียน และร่วมรณรงค์บ้านและชุมชนปลอดบุหรี่ 6.จัดเวรยามครูทั้งในและนอกโรงเรียนเพื่อเฝ้าระวังในสถานที่เปลี่ยวร่วมกับตำรวจ และเชิญผู้ปกครองนักเรียนมาพูดคุย 7.จัดกิจกรรมสร้างความตระหนักร่วมกับชุมชน ผลักดันให้ผู้นำชุมชนมีนโยบายสนับสนุนการดำเนินงานชุมชนปลอดบุหรี่ พร้อมชี้แจงและขอความร่วมมือร้านค้าในชุมชนไม่ขายบุหรี่ให้กับนักเรียน

.

“พร้อมกันนี้ สพฐ. ได้ประกาศ “สัปดาห์แห่งการรณรงค์ป้องกันการแพร่ระบาดของบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าในสถานศึกษา” โดยขอให้สถานศึกษาในสังกัดจัดกิจกรรมเนื่องในสัปดาห์วันงดสูบบุหรี่โลก ตั้งแต่วันที่ 27-31 พฤษภาคม 2567 โดยให้มีกิจกรรมรณรงค์เชิงสร้างสรรค์ เพิ่มองค์ความรู้ สร้างความตระหนักถึงภัยที่เกิดจากบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า เช่น จัดนิทรรศการ บอร์ดความรู้ วาดภาพระบายสี สุนทรพจน์ เป็นต้น เพื่อปลูกฝัง สร้างความตระหนักให้นักเรียนรู้เท่าทันพิษภัยของบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งจะส่งผลต่อสุขภาพของเด็กและเยาวชนในระยะยาว เพื่อให้โรงเรียนเป็นสถานที่ปลอดภัย ปลอดจากบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า ให้เด็กทุกคน “เรียนดี มีความสุข” อย่างแท้จริง” รองเลขาธิการ กพฐ. กล่าว