นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ “ Kick off สร้างเกราะป้องกันด้วยวัคซีน เด็กปลอดภัย เรียนอุ่นใจ ต้อนรับเปิดเทอม”

วันที่ 4 ตุลาคม 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ “ Kick off สร้างเกราะป้องกันด้วยวัคซีน เด็กปลอดภัย เรียนอุ่นใจ ต้อนรับเปิดเทอม” ณ โรงเรียนพิบูลอุปถัมภ์ เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ โดยมี นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นาย สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายสุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน นางเกศทิพย์ ศุภวานิช รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เข้าร่วมเปิดโครงการฯ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลมีความห่วงใยหลัก ๆ คือ สถานการณ์โควิด-19 สถานการณ์อุทกภัย และสถานการณ์เศรษฐกิจ ซึ่งรัฐบาลจะต้องแก้ปัญหาทุกอย่าง เพราะฉะนั้นวันนี้เรามีปัญหาอะไรก็แก้ไปให้ดีที่สุดจนกว่าจะเรียบร้อย สำหรับสถานการณ์โควิด-19 มีผลกระทบมากมายทั่วโลกไม่ใช้เฉพาะประเทศไทย หรือประเทศใดประเทศหนึ่ง โดยมีผู้เสียชีวิตทั่วโลกหลายล้านคน เรื่องการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะมีผลกระทบกับนักเรียนและบุคลากรทางการศึกษา วันนี้รู้สึกมั่นใจในการบริหารจัดการด้านการศึกษา สามารถจัดการศึกษาในช่วงโควิด-19 ได้อย่างต่อเนื่องโดยจัดการเรียนการสอน 5 ออน ทั้งออนไลน์ ออนแฮนด์ ออนดีมานด์ ออนแอร์ และออนไซต์ ซึ่งมีบทบาทอย่างมาก แต่ก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนการสอนให้เหมาะสมกับสถานการณ์

“ โครงการวันนี้เป็นการส่งเสริมและเตรียมความพร้อมให้การศึกษาเดินหน้าไปได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ครูและบุคลากรทางการศึกษาได้ฉีดวัคซีนไปแล้วระยะแรก พอเปิดเทอมก็จะได้รับวัคซีนอย่างครบถ้วน เพื่อให้ความมั่นใจกับผู้ปกครองที่ต้องส่งบุตรหลานมาโรงเรียน วัคซีนวันนี้เป็นไฟเซอร์ซึ่งมีประสิทธิภาพสูง และได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก ซึ่งหลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่น สิงคโปร์ แคนาดา ก็อนุมัติให้ใช้กับเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปแล้ว ถ้าเราฉีดวัคซีนได้ครอบคลุมทั้งหมดทั้งเด็ก ครูและบุคลากรทางการศึกษาก็จะทำให้การเปิดภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 ทำได้อย่างต่อเนื่อง” นายกฯกล่าว\

นางสาวตรีนุช เทียนทอง รมว.ศธ. กล่าวว่า วันนี้เป็นวันแรก สำหรับโครงการ “ Kick off สร้างเกราะป้องกันด้วยวัคซีน เด็กปลอดภัย เรียนอุ่นใจ ต้อนรับเปิดเทอม” ซึ่งเป็นโครงการที่เกิดจากความห่วงใยของนายกรัฐมนตรี เป็นการเตรียมความพร้อมเปิดภาคเรียนให้มีความปลอดภัย โดยมีการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์เป็นการเร่งด่วนให้แก่เด็กนักเรียน อายุ 12-18 ปี ทุกสังกัดทั่วประเทศ ซึ่งมีสาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัดจัดเก็บจำนวนผู้ปกครองที่ยินยอมประสงค์ให้นักเรียนฉีดวัคซีนให้กระบวนการฉีดวัคซีนคลอบคลุมทุกพื้นที่อย่างรวดเร็ว และจากการตรวจสอบกับทางกระทรวงสาธารณสุขทราบว่า ขณะนี้วัคซีนได้ส่งไปถึงบางจังหวัดแล้ว และจะมีการประสานงานในแต่ละพื้นที่เพื่อฉีดวัคซีนให้เด็กอย่างทั่วถึงต่อไป
สำหรับวันนี้จะเริ่มฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้เด็กใน 15 โรงเรียน 13 เขตสุขภาพก่อน ส่วนจำนวนนักเรียนที่ผู้ปกครองยินยอมให้ฉีดวัคซีนในโครงการ ณ เวลานี้มีจำนวนเกือบ 80% แล้ว สำหรับโรงพิบูลอุปถัมภ์ มีนักเรียนที่แสดงความจำนงขอรับวัคซีน จำนวน 695 คน จากจำนวน 799 คน โดยวันแรกมีนักเรียนเข้ารับวัคซีน จำนวน 200 คน

รมว.ศธ. กล่าวต่อไปว่า การเปิดภาคเรียนในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ ยืนยันว่ามีความพร้อมเปิดเทอมแน่นอน แต่ทั้งนี้จะต้องมีการประเมินว่าจะสามารถเปิดเรียนในรูปแบบใด โดยคำนึงถึงมาตรการต่างๆ เพื่อความความปลอดภัย รวมถึงมาตรการความปลอดภัยของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด แต่อย่างไรก็ตามการฉีดวัคซีนก็เป็นการยืนยันว่าหากมีการติดเชื้อจะไม่เกิดความรุนแรงกับเด็กและครอบครัว ซึ่งขณะนี้ได้รับการประสานงานจากกระทรวงสาธารณสุขว่าจะฉีดวัคซีนให้กับครูและบุคลากรที่ตกหล่นเพิ่มเติม หลังจากฉีดไปแล้วกว่า 70% ซึ่งนายกรัฐมนตรี ก็ได้กำชับว่าการฉีดวัคซีนไม่เฉพาะนักเรียนเท่านั้น ครูที่ยังไม่ได้ฉีดก็ต้องได้รับการฉีดคู่ขนานกันไป ตลอดจนครอบครัวของเด็ก ๆ ด้วย ซึ่งการฉีดวัคซีนครั้งนี้มีนักเรียนที่ไม่ประสงค์ขอรับการฉีดวัคซีน โดยโรงเรียน และศึกษาธิการจังหวัดจะประสานงานกับผู้ปกครองอยู่ตลอด พร้อมทั้งประสานกับกระทรวงสาธารณสุขในการจัดสรรเพิ่มเติมต่อไป