ศธ. ปิดงาน “สามัคคีสัมพันธ์ สานฝันห้องเรียนกีฬา” อย่างยิ่งใหญ่ พร้อมรองนายกฯ ให้โอวาท


วันที่ 5 ตุลาคม 2561 พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีปิดโครงการ “สามัคคีสัมพันธ์ สานฝันห้องเรียนกีฬา” ครั้งที่ 3 ซึ่งมีนักเรียนจากโครงการสานฝันการกีฬาสู่ระบบการศึกษาชายแดนภาคใต้และโครงการห้องเรียนกีฬาจากทั่วประเทศเข้าร่วมกิจกรรมกว่า 2,500 คน พร้อมให้โอวาทนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการ โดยมี นายบุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการ กพฐ. กล่าวรายงาน ณ อาคารอิมแพค ฟอรั่ม (Hall 9) อิมแพค เมืองทองธานี


ตามที่รัฐบาล โดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ส่งเสริมและสร้างโอกาสให้แก่เด็กและเยาวชน ที่มีความสามารถด้านกีฬาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จึงได้รับมอบหมายจาก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (พลเอก สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์) ให้ดำเนินโครงการ “สานฝันการกีฬาสู่ระบบการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้” ขึ้น ตั้งแต่ปีการศึกษา 2558 โดยเริ่มจากโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี จังหวัดยะลา ปัจจุบัน มีโรงเรียนในโครงการ รวมทั้งสิ้น 12 โรงเรียน ยอดนักเรียนรวม 1,436 คน ต่อมานายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้ขยายผลการดำเนินงานออกไปทั่วทุกภูมิภาค เพื่อให้เด็กและเยาวชนได้รับโอกาสอย่างเท่าเทียมกัน จึงได้เกิดเป็น “โครงการห้องเรียนกีฬา” ขึ้น ซึ่งในปัจจุบันมีโรงเรียนในโครงการห้องเรียนกีฬา ในทุกภูมิภาค จำนวน 9 โรงเรียน จำนวนนักเรียนรวม 1,155 คน


สำหรับกิจกรรม “สามัคคีสัมพันธ์ สานฝันห้องเรียนกีฬา” ได้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ ๓ ในระหว่างวันที่ 30 กันยายน – 6 ตุลาคม 2561 โดยนำนักเรียนจากโครงการสานฝันการกีฬาสู่ระบบการศึกษาชายแดนภาคใต้และโครงการห้องเรียนกีฬาจากทั่วประเทศมาทำกิจกรรมร่วมกัน เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนทั้งสองโครงการได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมผ่านการแข่งขันกีฬาแห่งมิตรภาพ รวมทั้งได้ศึกษาศาสตร์พระราชาเพื่อน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปฏิบัติ โดยกิจกรรมในโครงการประกอบด้วยการแข่งขันกีฬาฟุตบอลระหว่างทีมนักเรียนโครงการห้องเรียนกีฬา รุ่นอายุไม่เกิน 16 ปีและทีมนักเรียนในโครงการสานฝันฯ รุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี กับทีมเมืองทองยูไนเต็ด จูเนียร์ และการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงระหว่างทีมนักเรียนโครงการห้องเรียนกีฬาและทีมยุวชนทีมชาติไทย ณ สนามอินดอร์สเตเดียมหัวหมาก เพื่อสานสัมพันธ์สร้างความสามัคคีปรองดองระหว่างนักเรียนทั้งสองโครงการและฝึกทักษะการเล่นกีฬาฟุตบอลและวอลเลย์บอล จากนั้น นักเรียนทั้งสองโครงการยังได้ไปทัศนศึกษาดูงาน ณ ฐานทัพเรือสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ซึ่งมีกิจกรรมสำคัญ ได้แก่ การเยี่ยมชมโรงเรียนชุมพลทหารเรือ ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล รวมถึงเรือหลวงจักรีนฤเบศร เรือหลวงสิมิลัน เรือหลวงสุรินทร์ พร้อมทั้งชมการแสดงสาธิตปฏิบัติการช่วยเหลือประชาชนทางทะเลของกองทัพเรือ โดยมี พลเอกสุทัศน์ กาญจนานนท์กุล ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นหัวหน้าคณะในการเข้าเยี่ยมชมเรือหลวง และให้กำลังใจนักเรียนในโครงการ

นอกจากนั้นยังมีการทัศนศึกษาแหล่งเรียนรู้ศาสตร์พระราชาในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล อาทิ พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศและการบินแห่งชาติ อนุสรณ์สถานแห่งชาติ เปิดโอกาสให้นักเรียนได้สัมผัสเครื่องบินจริง และอากาศยานประเภทต่างๆ ของไทย พร้อมทั้งให้นักเรียนได้ศึกษาหลักสูตรการเรียนรู้ “ตามรอยเท้าพ่อ” และ “สืบทอดพระราชปณิธาน กษัตริย์เกษตร” ณ พิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติ ปทุมธานี โดยศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริและความมั่นคง จ.ปทุมธานี รวมทั้งการแสดงพหุวัฒนธรรมของนักเรียนในโครงการซึ่งเป็นกิจกรรมพิเศษที่จะแสดงความสามารถด้านศิลปวัฒนธรรมที่หลากหลายของนักเรียนที่ร่วมโครงการในครั้งนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยมิตรภาพความรักความสามัคคีผ่านการแข่งขันกีฬาฟุตบอลและวอลเลย์บอล พร้อมทั้งตอบสนองนโยบายของรัฐบาลในเรื่องของการปฏิรูปการศึกษา โดยใช้กีฬาเป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหาสังคม สร้างลักษณะนิสัยที่ดีในการเป็นนักกีฬาและพัฒนาความรู้ทักษะจนสามารถประกอบอาชีพในอนาคตได้

ในโอกาสนี้ พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี ได้มอบโอวาทแก่นักเรียนที่เข้าร่วมโครงการว่า การเรียนกีฬาเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องมีควบคู่กันไปในชีวิตของทุกคน ซึ่งกีฬาหลายๆอย่างต้องแข่งขันกันเป็นทีม ต้องมีความรัก สามัคคี และทำงานร่วมกันเพื่อจะได้เป็นทีมเวิร์กที่ดี การเป็นนักกีฬาจึงถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ทุกคนได้มีพัฒนาการและนำไปสู่ความสำเร็จและชัยชนะได้ ถึงแม้เราจะไม่ได้ชัยชนะกลับมา แต่เราก็ได้ความภาคภูมิใจรวมถึงความรักความสามัคคี ดังคำกล่าวที่ว่า กีฬาเป็นยาวิเศษ สำหรับการจัดงานครั้งนี้ซึ่งเป็นครั้งที่ 3 เชื่อว่า สิ่งที่รมช.ศธ.(พลเอกสุรเชษฐ์ ชัยวงศ์) ตั้งความหวังไว้และมุ่งมั่นทำมาตลอดได้เกิดผลแล้ว ถือเป็นความภาคภูมิใจของทุกคน เพราะพวกเราจะมีคุณสมบัติพร้อมทั้งด้านความรู้วิชาการและทักษะด้านกีฬา มีโอกาสจะเปลี่ยนชีวิตของทุกคนให้เป็นนักกีฬาอาชีพได้ ถือเป็นการสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเอง ครอบครัว รวมทั้งโรงเรียน และประเทศไทยด้วย ซึ่งความตั้งใจที่พวกเราได้ร่วมกันจัดโครงการนี้ จะเป็นสิ่งที่มีคุณค่ากับพวกเราทุกคน


“ผมมั่นใจว่าทุกคนจะจดจำประสบการณ์ที่ได้ไปทัศนศึกษาในสถานที่ต่างๆ นำไปสร้างกำลังใจให้แก่ตัวเอง เพื่อมุ่งสู่การเป็นคนดีของสังคม มุ่งสู่การมีคุณค่าและสร้างอาชีพให้กับตัวเองในอนาคตได้ ซึ่งการจะทำให้โครงการนี้สำเร็จเราต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกๆ ฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นตัวนักเรียนเอง ผู้ปกครอง ครูอาจารย์ โรงเรียนสถานศึกษา รวมถึงคนที่อยู่ในชุมชนจะต้องร่วมมือกันด้วย หวังว่าในอนาคตอันใกล้นี้จะได้เห็นตัวเลขนักเรียนกีฬาที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งนักเรียนเหล่านี้จะเป็นผู้พัฒนาความเป็นเลิศทางกีฬาของประเทศ นี่คือสิ่งที่จะเติมเต็มความมุ่งมั่นของคนไทยในการก้าวไปสู่มาตรฐานระดับสากลอย่างมั่นคงมั่งคั่งยั่งยืนต่อไป” รองนายกฯ กล่าว


ด้านนายบุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการ กพฐ. ได้กล่าวถึงการจัดงานในครั้งนี้ว่า รัฐบาลพร้อมทั้งข้าราชการ ผู้บริหาร ครู และบุคลากรทางการศึกษาทุกคน มุ่งหวังจะพัฒนาการศึกษาของประเทศให้เจริญรุดหน้า สามารถผลิตเยาวชนให้มีความรู้ ความสามารถ มีคุณธรรม จริยธรรม มีอาชีพสร้างรายได้เพียงพอต่อการดำรงชีวิต เป็นที่พึ่งของสังคมและประเทศชาติต่อไป ซึ่งจะเห็นได้ว่า โครงการสานฝันการกีฬาสู่ระบบการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ และโครงการห้องเรียนกีฬา เป็นโครงการที่มีประโยชน์ มีผลสัมฤทธิ์เป็นที่ประจักษ์มากมาย ดังนั้นพวกเราทุกคน ทุกหน่วยงานจึงควรรักษาและส่งเสริมกิจกรรมต่างๆ ของโครงการทั้ง 2 ให้สมกับที่นักเรียนและสังคมได้คาดหวังไว้เป็นอย่างดี

ยิ่งไปกว่านั้นกิจกรรมนี้ยังได้รับการสนับสนุนและความร่วมมือเป็นอย่างดี จาก กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (การกีฬาแห่งประเทศไทย , สถาบันการพลศึกษา), กระทรวงวัฒนธรรม (สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ , วิทยาลัยนาฏศิลป์) กระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และภาคเอกชน อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นทีมฟุตบอลเมืองทองยูไนเต็ด และ Google อีกด้วย นับได้ว่าเป็นการร่วมมือกันเพื่อประโยชน์ของนักเรียนอย่างแท้จริง

ทีมปชส.โครงการ “สามัคคีสัมพันธ์ สานฝันห้องเรียนกีฬา”