เลขาธิการ กพฐ. เด็ดขาด!! สั่งสอบด่วน ครูล่วงละเมิดนักเรียน 7 วันรู้ผล พร้อมให้ความเป็นธรรม หากผิดจริง ไม่เอาไว้

ตามที่มีกระแสข่าวในสื่อออนไลน์ กรณีรองผู้อำนวยการโรงเรียนพักนอนแห่งหนึ่งในพื้นที่ภาคเหนือ กระทำการไม่เหมาะสมทางเพศกับนักเรียนในความดูแลรับผิดชอบนั้น ว่าที่ร้อยตรีธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อเหตุการณ์ดังกล่าว ได้สั่งการ สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ และศูนย์ความปลอดภัย สพฐ. เร่งติดตามและตรวจสอบข้อเท็จจริงเชิงลึกในทันที

ว่าที่ร้อยตรีธนุ กล่าวว่า “ในเบื้องต้น ทางโรงเรียนได้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงและรายงานต่อ สพฐ. แล้ว แต่เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างรอบคอบ ได้ข้อมูลครบถ้วน สพฐ. จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการส่วนกลาง ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเชิงลึก และมีคำสั่งให้รองผู้อำนวยการโรงเรียนตามข่าว ออกนอกพื้นที่เป็นการเร่งด่วน โดยให้มารายงานตัวและปฏิบัติราชการที่ สพฐ. ส่วนกลาง เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการสืบสวน นอกจากนี้ ได้มอบหมายนักจิตวิทยาประจำเขตพื้นที่การศึกษาให้ติดตามดูแล ประเมินสภาพจิตใจนักเรียนที่ประสบเหตุ ให้ความช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด เพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใจต่อไป”

“ทั้งนี้ เพื่อความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ได้กำชับให้คณะกรรมการเร่งสืบสวนข้อเท็จจริงและรายงานผลต่อ สพฐ. ภายใน 7 วัน และหากปรากฏว่ามีการล่วงละเมิดทางเพศต่อนักเรียน ซึ่งถือว่าเป็นพฤติกรรมที่มีความผิดร้ายแรงมาก ก็จะมีโทษไล่ออกหรือปลดออกจากราชการสถานเดียว ตามประกาศแนวการพิจารณาโทษข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษากระทำผิดวินัย กรณีกระทำการล่วงละเมิดทางเพศต่อผู้เรียนหรือนักศึกษาไม่ว่าจะอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของตนหรือไม่ ที่กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศไปเมื่อเดือนมิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ หากพบว่าครูหรือผู้บริหาร ร่วมปกปิดความผิดหรือละเลยที่จะปกป้องสวัสดิภาพลูกศิษย์ของตน ก็จะมีการพิจารณาโทษต่อไป”

“รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (พลตำรวจเอกเพิ่มพูน ชิดชอบ) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล) และ สพฐ. ให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยในสถานศึกษา โดยเฉพาะเหตุที่เกิดจากการกระทำที่ไม่เหมาะสมของครูที่มีต่อนักเรียน ที่ผ่านมา แม้มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรมบุคลากรและกำหนดมาตรการความปลอดภัยในสถานศึกษาต่างๆ แต่ด้วยความที่ สพฐ. เป็นองค์กรใหญ่ มีครูมากกว่าสี่แสนคน จึงเกิดเหตุไม่พึงประสงค์ดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดเหตุขึ้น ก็มิได้นิ่งนอนใจ จึงขอความร่วมมือให้ทุกคน ทั้งที่อยู่ในและนอกรั้วโรงเรียน ร่วมเป็นพลังในการสร้างสวัสดิภาพและความปลอดภัยให้เกิดแก่นักเรียน ช่วยเป็นหูเป็นตา หากพบเหตุที่ไม่เหมาะสมใดๆ ขอให้ส่งข่าวแจ้งเหตุ สพฐ. พร้อมดำเนินทุกมาตรการเพื่อให้โรงเรียนเป็นพื้นที่ปลอดภัยแก่การเรียนรู้” เลขาธิการ กพฐ. ธนุ กล่าว